ตัวอย่าง กรณีศึกษา Otomycosis โรคเชื้อราใรช่องหู
ชื่อนักศึกษา – วันที่ 21 เมษายน 2558
สถานที่ฝีกปฏิบัติงาน แผนกผู้ป่วยนอก
ผู้ให้ข้อมูล ผู้รับบริการ
ข้อมูลทั่วไป
เพศ หญิง อายุ 56 ปี สถานภาพสมรส คู่ อาชีพ ทำนา, เย็บผ้า
เชื้อชาติ ไทย สัญชาติ ไทย รายได้ครอบครัว/เดือน 15,000 บาท
แหล่งประโยชน์ สิทธิบัตร บัตรประกันสุขภาพถ้วนหน้า
ที่อยู่ปัจจุบัน –
1.การประเมินภาวะสุขภาพ
1.1 อาการสำคัญ ( Chief Complaint )
คันหูข้างขวา เป็นมา 1 สัปดาห์
1.2. ประวัติการเจ็บป่วยปัจจุบัน ( Present Illness )
1 เดือนก่อนมา มีอาการหูข้างขวาอื้อ ได้ยินไม่ชัด ไปรักษาที่คลินิกใกล้บ้าน แพทย์บอกมีขี้หูอุดรูหู จึงแคะออกให้ กลับมาบ้านยังมีอาการหูอื้ออยู่ ไม่ดีขึ้น
1 สัปดาห์ก่อนมาโรงพยาบาล ยังมีอาการหูอื้อร่วมกับอาการคันหู ไม่ปวดหู ไม่มีของเหลวไหลออกมาผิดปกติ ไปรักษาที่คลินิกแห่งเดิม ได้ยาแก้อักเสบมารับประทาน อาการคันหูไม่ดีขึ้น จึงมาโรงพยาบาล
1.3 ประวัติอื่นๆที่สัมพันธ์กับการเจ็บป่วย(Relevant history)
– ขณะมีน้ำหนองไหลออกจากหูได้ใช้ไม้พันสำลีเช็ดในรูหู
– ก่อนมีอาการหูอื้อไม่เคยเจ็บลงมุดน้ำ หรือมีไข้ หวัด เจ็บคอ
– ไม่เคยถูกตบตีหรือถูกแรงกระแทกเกี่ยวกับหูหรือได้รับเสียงกระทบดังๆ
1.4 ประวัติเจ็บป่วยในอดีต (Past Illness)
– ไม่เคยได้รับอุบัติเหตุร้ายแรงใดๆ
– ปฏิเสธการแพ้ยา อาหาร หรือสารเคมีทุกชนิด
– ปฏิเสธโรคประจำตัว เช่น โรคเบาหวาน, โรคความดันโลหิตสูง ,โรคหัวใจ,หรือโรคทางกรรมพันธุ์
– ไม่เคยผ่าตัดใดๆ
1.5 ประวัติครอบครัว
– มีสมาชิกในครอบครัว 6 คน ประกอบด้วย ปู่ ย่า ลูกเขย ผู้ป่วย หลานสาวและหลานชาย
– ปู่ป่วยเป็นโรคเบาหวาน
– ย่าป่วยเป็นโรคเบาหวานและโรค พาคินสัน
– สามี และบุตรทั้ง2 คน มีสุขภาพสมบูรณ์แข็งแรง ไม่มีโรคประจำตัว
– สมาชิกในครอบครัวสนิทสนม รักใคร่กันดี
1.6 ประวัติส่วนตัวและอุปนิสัย (Personal history and habits)
อุปนิสัย : รื่นเริง สนุกสนาน ใจเย็น
อารมณ์ : อารมณ์ดี ไม่ค่อยหงุดหงิด ไม่เคยปัญหาทะเลาะเบาะแว้งกับใคร
การพักผ่อน : นอนหลับสบายทุกคืน เข้านอนเวลาประมาณ 23-22.00 น. ตื่นนอนประมาณ
04.30 น.
การรับประทานอาหาร : ส่วนใหญ่ชอบรับประทานอาหารพื้นบ้านทั่วไป ส่วนใหญ่รับประทานอาหารจืด
เนื่องจากปู่และย่าป่วยเป็นโรคเบาหวาน ส่วนมากประกอบ
อาหารรับประทานเอง รับประทานอาหารตรงเวลา
การออกกำลังกาย : ไม่เป็นรูปแบบที่แน่นอน ส่วนใหญ่จะทำงานบ้าน ทำนา รับจ้าง
ทั่วไป และดูแลปู่และย่า ที่มีโรคประจำตัวทั้งคู่
อาบน้ำ : วันละ 1 ครั้ง ตอนเย็น
การขับถ่าย ปัสสาวะวันละ 5 – 6 ครั้ง ถ่ายปกติ อุจจาระ 1- 2 วัน/ ครั้ง มีท้องผูกเป็น
และแสบร้อนท้องเป็นบางครั้ง ผู้ป่วยชอบใช้ไม้พันสำลีแคะหูเป็นประจำ
ยา : ให้ประวัติเมื่อมีการเจ็บป่วยเล็กๆน้อยๆ จะเข้ารับการรักษาที่สถานีอนามัยใกล้บ้าน
งานอดิเรก : เมื่อมีเวลาว่างจะดูโทรทัศน์
กิจกรรมทางศาสนา : ร่วมทำบุญในช่วงเทศกาลงานบุญต่างๆ
การศึกษา : จบชั้นประถมศึกษาปีที่ 6
ประวัติทางเพศ : ไม่เคยเจ็บป่วยด้วยโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์
ความเชื่อเกี่ยวกับการรักษาและการเจ็บป่วย : มีความเชื่อทั้งทางด้านการรักษาแพทย์แผน
โบราณ บางครั้งใช้สมุนไพรในการรักษาโรค และแพทย์แผนปัจจุบัน เวลา
เจ็บป่วยจะไปหาหมอที่คลินิก หรือ โรงพยาบาล
ความสัมพันธ์ในครอบครัวและสังคม เป็นที่รักของครอบครัวและญาติพี่น้อง ช่วยเหลืองาน
ในสังคมเป็นอย่างดี
สบร้อนท้องเป็นลานเป็นโรคเบาหวาน และย่างรับระทานงแคะออกให้ หลังจากนั้น 1 วันการเผชิญความเครียด มีความวิตกกังวลเกี่ยวกับการเจ็บป่วย เนื่องจากไม่เคยเจ็บป่วยเจ็บ
มาก่อน กลัวจะหูหนวก ลดความวิตกกังวลโดยการใช้ การพูดคุยกับสามี ญาติพี่
น้องและเพื่อนบ้าน เพื่อขอคำปรึกษา และบางครั้งก็เครียดเรื่องการดูแลปู่กับย่าที่
ชรา และมีโรคประจำตัว
1.7 ประวัติการมีประจำเดือน
ผู้ป่วยเคยคุมกำเนิดโดยวิธีกินยาคุมกำเนิด ตอนนี้หมดประจำเดือนแล้ว
การทบทวนอาการตามระบบ (System Review)
ลักษณะทั่วไป: หญิงไทย วัยกลางคน อายุ 56 ปี รูปร่างสมส่วน แต่งกายสุภาพ สะอาด
เดินมาที่ห้องตรวจเอง รู้สึกตัวดี ถามตอบรู้เรื่อง
ผิวหนัง : ผิวคล้ำ ไม่มีบาดแผล ไม่มีจ้ำเลือด ไม่มีรอยแผลเป็น ไม่มีก้อน มีความยืดหยุ่นดี
ไม่บวม เล็บและขนปกติ
ศีรษะ : รูปทรงโครงสร้างของศีรษะและใบหน้าปกติ สมมาตรดี ไม่มีก้อน ไม่มีร่องรอย
บาดเจ็บ ไม่พบบาดแผล ผมดำ
ตา : ตามองเห็นชัดเจนทั้งสองข้าง ไม่เคยเป็นโรคตาแดง หรือโรคเกี่ยวกับตา
หู : ใบหูสมมาตรทั้งสองข้าง ไม่เคยได้รับอุบัติเหตุทางหู ไม่บวม ดึงใบหูไม่เจ็บ ไม่มี
สิ่งคัดหลั่งออกจากหู ไม่เคยเป็นโรคหูน้ำหนวก หูข้างขวาได้ยินไม่ค่อยชัดเท่าที่ควร หูข้างซ้ายได้ยินชัดเจน
คอ : ไม่มีต่อมน้ำเหลืองที่คอโต ไม่มีก้อนในลำคอ
จมูก : การได้กลิ่นปกติ ไม่มีเลือดกำเดาออก ไม่มีน้ำมูก รูปร่างปกติ
ปากและฟัน : ไม่มีฟันผุ ไม่เคยมีเลือดออกตามไรฟัน
ระบบทางเดินหายใจ : การหายใจปกติ ไม่หอบเหนื่อย
ระบบไหลเวียนเลือด : ไม่มีอาการตัวเขียว เล็บเขียว หรือบวม ไม่เจ็บแน่นหน้าอก
ระบบทางเดินอาหาร : ไม่ปวดท้อง ไม่มีถ่ายดำ ไม่มีกดเจ็บ ไม่มีก้อน ไม่มีบาดแผล
ระบบทางเดินปัสสาวะ: ปัสสาวะปกติ สีใส ไม่แสบขัด
ระบบกระดูกและกล้ามเนื้อ : ไม่เคยมีกระดูกหัก หรือกล้ามเนื้ออ่อนแรงไม่มีปวดบวม
ตามข้อไม่เคยประสบอุบัติเหตุจนทำให้ข้อเคลื่อนหรือกระดูกหัก
ระบบประสาทและทางจิต : ไม่มีประวัติแขนขาอ่อนแรง ไม่มีอาการชาตามใบหน้าหรือแขน
ขา ไม่มีอาการชักไม่มีอาการทางระบบประสาท
การตรวจร่างกายทั่วไป ( Physical Examination )
Vital signs: T= 36.5 C , P= 82 ครั้ง/min regular, R= 20 ครั้ง/min , Weight = 60 kg.
Height= 160 cm.
General Appearance: A middle age thai women , good consciousness, looking well ,
co-operate.
Skin & Nail : Skin black-red. Good skin turgor no freckle no rashes and no
ecchymosis , no koilonychias , no pitting nails
Head : No evidence of head trauma, symmetry, normal facial expression
Eyes : No abnormal mass , no conjunctivitis, no subconjunctival hemorrhage.
Ear : White and black fungal debris at right ear, mild hearing loss at right ear, no discharge.
Nose : external configuration symmetrical, no discharge, mucous membrane pink not
Injected . septum not deviated. turbinate not injected.
Mouth and throat : Lip no dry lip, tongue normal movement, pharynx not injected ,
Tonsil not enlarged, soft palate and hard palate no lesion
Neck : Normal position of trachea , no enlarged thyroid gland, no abnormal mass ,
no stiffness of neck , no neck vein engorged.
Chest – Lung : Symmetrical chest contour , Normal lung expansion ,
Normal vocal Resonance , Normal breath sound RR=20 /min, no crepitation , no wheezing , no rhonchi , no stridor . heart sound normal, no murmurs, heart rate 80/ min.
Abdomen : no superficial vein dilated, soft, no tenderness.
Spine and back : no kyphosis , CVA not tenderness
Extremities : no deformities , no petechiae or ecchymoses.
Rectal exam : normal stool , no mass, no tender
Genitaria : normal no abnormal discharge
Nervous system : good consciousness, speech normal, well co-operation, sensation normal, muscle power grade 5 all
- ผลการตรวจทางห้องปฏิบัติการและการตรวจพิเศษ ( Laboratory Data )
– ใช้ Otoscope ส่องดูที่รูหูข้างขวาพบ White and black fungal debris
Assessment
- สรุปปัญหา ( Problem list )
- คันหูข้างขวา
- หูข้างขวาอื้อ
การวินิจฉัยแยกโรค (Differential Diagnosis)
จากอาการ อาการแสดง การตรวจร่างกายและการตรวจทางห้องปฏิบัติการ ทำให้คิดถึงโรค ต่อไปนี้ ซึ่งจำเป็นต้องวินิจฉัยจำแนก (Differential Diagnosis) ได้แก่
- Otomycosis
- Otitis media
- Impacted cerumen
- Tympanic membrane perforation
ลักษณะเฉพาะโรคอาการของโรคตามทฤษฎี | ข้อมูลผู้ป่วยที่สัมพันธ์กับโรค |
1. Otomycosisหูชั้นนอกอักเสบจากเชื้อรา (otomycosis) พบได้บ่อยพอควรโดยมักจะมีพยาธิสภาพบริเวณช่องหู (ear canel) และเยื่อแก้วหู (tympanic membrane). เชื้อราที่พบบ่อย คือAspergillus และ Candida
อาการอาการที่เด่นคือ มีอาการคันหู มักมีอาการหูอื้อ แน่นในหู เสียงดังในหู อาการเจ็บมัก ไม่ค่อยพบ ยกเว้นเมื่อมีการอักเสบเนื่องจากการติดเชื้อแบคทีเรียร่วม การตรวจหูจะพบลักษณะเป็นก้อนสกปรกสี เทาหรือขาวคล้ายกระดาษชุบน้ำ ถ้าเกิดจากเชื้อ Aspergillus niger จะพบจุดสปอร์(spore) สีดํารวมด้วย บางครั้ง อาจเห็นเป็น filament และสปอร์ได้หลังจากทําความสะอาดรูหูแล้ว จะพบรูหูแดง มักไม่ค่อยบวม |
Positive Data1.มีอาการคันหู
2.มีอาการหูอื้อ แน่นในหู 3. อาการเจ็บมัก 4.การตรวจหูจะพบลักษณะเป็นก้อนสกปรกสี ขาวและดำ มีลักษณะของเชื้อราชัดเจน 5.ผู้ป่วยเป็นเบาหวาน ทำให้มีภูมิต้านทานต่ำ Negative Data –
|
2. Otitis media มักเกิดร่วมกับการติดเชื้อในบริเวณทางเดินหายใจส่วนต้น ได้แก่ ไข้หวัด ต่อมทอนซิลอักเสบ ภาวะแทรกซ้อนของหัด ไข้หวัดใหญ่ ไอกรน ทำให้เชื้อโรคในบริเวณคอผ่านท่อยูสเตเชียน เข้าไปในหูชันกลาง เกิดการอักเสบ ทำให้เยื่อบุผิวภายในหูชั้นกลางและท่อยูสเตเชียนบวม และมีหนองขังอยู่ในหูชั้นกลาง ในที่สุดเยื่อแก้วหู ก็จะเกิดการทะลุเป็นรูหนองที่ขังอยู่ภายในก็จะไหลออกมากลายเป็นหูน้ำหนวก
อาการ หูชั้นกลางอักเสบเฉียบพลัน จะมีอาการเกิดขึ้นฉับพลันหลังจากเป็นไข้หวัด เจ็บคอ หรือเป็นโรคติดเชื้อของระบบหายใจอื่นๆ โดยจะมีอาการปวดในรูหู(แต่ดึงรูหูจะไม่เจ็บมากขึ้น) หูอื้อมีไข้สูง หนาวสั่น สิ่งตรวจพบ หูชั้นกลางอักเสบเฉียบพลัน ในระยะแรกอาจมีไข้ การตรวจดูหูโดยใช้เครื่องส่องหู(otoscope) จะเห็นเยื่อแก้วหูโป่งออก และเป็นสีแดงเรื่อๆ ในระยะต่อมา มีอาการทะลุของเยื่อแก้วหูทะลุเป็นรู และมีหนองไหล (ในระยะนี้ผู้ป่วยจะไม่มีไข้ และหายปวดหู)
|
Positive Data– พบหูอื้อข้างขวา
Negative Data – ไม่มีประวัติการติดเชื้อในบริเวณทางเดินหายใจส่วนต้นมาก่อน – ไม่พบของเหลวไหลออกมาผิดปกติ – ไม่พบอาการปวด ตึง ในหู – การตรวจดูหูโดยใช้เครื่องส่องหู(otoscope) ไม่พบเยื่อแก้วหูโป่งออก หรือเป็นสีแดงเรื่อๆ |
โรคที่คาดว่าน่าจะเป็น | ข้อมูลสนับสนุน/เหตุผล |
2. Impacted cerumenขี้หู (Cerumen หรือ Ear wax) เกิดจากสารไขมันที่ผลิตจากต่อมเหงื่อ (Sebaceous gland) และต่อมพิเศษ (Cerumenous gland) ในช่องหู โดยประกอบด้วย ผิวหนัง/เยื่อบุช่องหูที่หลุดลอก (Keratin) และสารที่ผลิตจากต่อมทั้งสองข้างต้น
อาการ จากมีภาวะขี้หูอุดตัน ได้แก่คันหู หูอื้อ ปวดหู การได้ยินลดลง มีเสียงดังในหู จากการเคลื่อนที่ไปมาของขี้หู เมื่อใช้เครื่องส่องหู ตรวจดู จะพบมีขี้หูอุดเต็มรูหู |
Positive Data– 4 สัปดาห์ก่อนมีขี้หูอุดรูหู
– มีอาการหูอื้อ – mild hearing loss at right ear – มีอาการคันหู Negative Data – การตรวจดูหูโดยใช้เครื่องส่องหู(otoscope) ไม่พบขี้หูอุดตัน |
3. Rupture eardrum (Tympanic membrane perforation )แก้วหูทะลุมักเกิดจากการ แคะหู เขี่ยหู การพยายามนำสิ่งแปลกปลอมออกจากหู การบาดเจ็บจากแรงกระแทกที่หู (เช่น การตบหู ซึ่งทำให้มีการเพิ่มของความดันภายในช่องหูชั้นนอก) การบาดเจ็บที่กะโหลกศีรษะ (ทำให้กระดูกบริเวณหลังหูหัก) การได้ยินเสียงดังจากวัตถุระเบิด หรือประทัดที่อยู่ใกล้ๆ และการมีความดันภายนอกหูจากสาเหตุต่างๆสูงเกินไป เช่น ในการดำน้ำ เป็นต้น
สาเหตุ เกิดได้จากหลายสาเหตุ คือ 1. จากการกระทบกระแทก (Traumatic tympanic membrane perforations) : เป็นสาเหตุที่พบได้บ่อยที่สุด เช่น การปั่นหูลึกเกินไปจนโดนเยื่อแก้วหู, เสียงประทัดที่ดังเกินไป, การมีความดันภายนอกสูงเกินไป เป็นต้น 2. เกิดตามหลังการติดเชื้อในหูชั้นกลาง : เกิดในผู้ป่วยที่มีการติดเชื้อในหูชั้นกลางเรื้อรังหรือรักษาไม่ดี ทำให้หนองในช่องหูชั้นกลางมีปริมาณเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ทำให้ความดันในหูชั้นกลางสูงขึ้น จนดันให้เยื่อแก้วหูทะลุตามมา อาการ ผู้ป่วยจะมีอาการหูอื้อ หูตึง ซึ่งเกิดขึ้นทันทีภายหลังได้รับบาดเจ็บ บางคนอาจมีอาการปวดในรูหู หรือมีเลือดไหลออกจากหู
|
Positive Data– มีอาการหูอื้อข้างขวา
– มีประวัติใช้ไม้พันสำลีปั่นหู Negative Data – การตรวจดูหูโดยใช้เครื่องส่องหู(otoscope) ไม่พบการฉีกขาดหรือการทะลุของเยื่อแก้วหู
|
Discussion
จากการซักประวัติพบว่า 1 เดือนก่อนมา มีอาการหูข้างขวาอื้อ ได้ยินไม่ชัด ไปรักษาที่คลินิกใกล้บ้าน แพทย์บอกมีขี้หูอุดรูหู จึงแคะออกให้ กลับมาบ้านยังมีอาการหูอื้ออยู่ ไม่ดีขึ้น 1 สัปดาห์ก่อนมาโรงพยาบาล ยังมีอาการหูอื้อร่วมกับอาการคันหู ไม่ปวดหู ไม่มีของเหลวไหลออกมาผิดปกติ ไปรักษาที่คลินิกแห่งเดิม ได้ยาแก้อักเสบมารับประทาน อาการคันหูไม่ดีขึ้น จึงมาโรงพยาบาล
จากการซักประวัติพบว่า เคยใช้ไม้พันสำลีเช็ดในรูหูบ่อยครั้ง ไม่เคยป่วยเป็นไข้ เป็นหวัด หรือติดเชื้อทางเดินหายใจส่วนต้นมาก่อน ไม่ปวดหู ตรวจร่างกายผู้ป่วยไม่มีไข้ ไม่มีน้ำหนองไหล จึงตัด Otitis media ออก สงสัยอีก 2 โรค คือ Wax blockage เนื่องจากยังมีอาการหูอื้อและเคยมีประวัติขี้หูอุดรูหู และ Rupture eardrum (Tympanic membrane perforation )ดังนั้น จึงต้องใช้ผลการตรวจพิเศษช่วยในการวินิจฉัย
การตรวจทางห้องปฏิบัติการ /การตรวจพิเศษ
ใช้เครื่องส่องหู(otoscope) พบเชื้อราในรูหู
Impression / Diagnosis
Otomycosis การติดเชื้อราในหู
Plan
- Plan for treatment
– ป้าย Clotrimazole Cream 1 หลอด
– Chlorpheniramine 1×3 ๏ pc 20 tab.
– Ketoconazole 1×1 ๏ pc 30 tab.
Plan for Education
Plan for education | เหตุผล |
1. แนะนำพยาธิสภาพของโรค สาเหตุของการเกิดโรค การรักษา,การป้องกันเกิดซ้ำ2. แนะนำการรับประทานยาฆ่าเชื้อราให้ครบตามแผนการรักษา
3. แนะนำไม่ให้แคะหู, ปั่นหู
4.แนะนำไม่ให้ดำน้ำหรือว่ายน้ำในแม่น้ำลำคลอง ใช้สำลีอุดรูหูเวลาอาบน้ำ 5. แนะนำอาการที่ควรรีบมาพบแพทย์ เช่นไข้สูงปวดหูรุนแรงมาก ชักเกร็ง หรือยังมีอาการหูอื้อไม่หาย |
– เพื่อให้ผู้ป่วยเข้าใจปฏิบัติตัวได้ถูกต้อง- เพื่อรักษาเชื้อโรคได้ครอบคลุมป้องกันอาการดื้อยาและป้องกันการกลับเป็นซ้ำ
– เพื่อป้องกันการนำเชื้อโรคเข้าสู่ร่างกายและทำให้ช่องหูเป็นแผลอักเสบอาจทำให้เกิดโรครุนแรงได้ เช่น ฝีในสมองเป็นต้น – เพื่อไม่ให้น้ำเข้ารูหูป้องการติดเชื้อในรูหูได้ – เพื่อให้ผู้ป่วยปฏิบัติตัวได้ถูกต้อง ป้องการเกิดภาวะรุนแรงได้
|
การวางแผนเพื่อการติดตามการรักษาและส่งต่อ ( Follow up / Referral plan )
นัด F/U อีก 2 สัปดาห์
ผลการติดตามการรักษา วันที่ 28 เมษายน 2558 พบว่า ผู้ป่วยมีอาการคันหูลดลง แต่ยังคงมีอาการหูอื้ออยู่ จึงทำการตรวจหูด้วย otoscope พบว่าเชื้อราที่หูลดจำนวนลง จึงอธิบายกลไกการเกิดโรคและแนวทางการรักษาให้สามีและผู้ป่วยรับทราบ แพทย์ก็นัดรับยาต่อไปอีก 1 เดือน เพื่อการรักษาที่ต่อเนื่อง ต่อไป
Plan for treatment | เหตุผล |
Clotrimazole Cream
|
ข้อบ่งชี้ รูปแบบ Cream ใช้รักษา Cannidiasis ที่เกิดจาก Cannida albican และ ใช้รักษากลากลำตัว กลากขาหนีบ โรคน้ำกัดเท้า อาการข้างเคียง ผิวหนังร้อนแดง ปวดแสบปวดร้อน เกิดเป็นเม็ดตุ่มพอง บวม คัน ลมพิษและระคายเคือง คำเตือน ข้อห้ามใช้ และข้อควรระวัง 1. ระวังอย่าให้สัมผัสกับตา 2. หยุดเมื่อมีอาการระคายเคืองหรือแพ้3. ยังไม่มีรายงานเกี่ยวกับความปลอดภัยจากการใช้ยาในหญิงมีครรภ์ หรือระยะให้นมบุตร
|
Plan for treatment | เหตุผล |
– Chlorpheniramine 1×3 ๏ pc 20 tab. | ข้อบ่งชี้ยานี้เป็นสารต้านฮิสตามีน ใช้เพื่อช่วยบรรเทาอาการไข้ละอองฟาง (มีสาเหตุจากการแพ้สารพวกละอองเกสรดอกไม้ ฝุ่นละออง หรือสารอื่นในอากาศ) อาการแพ้ และหวัด ได้แก่ อาการจาม น้ำมูกไหล ตาแดง คันที่ตาและน้ำตาไหล คันจมูกและลำคอ
โดยทั่วไปยานี้ควรใช้ในผู้ใหญ่และเด็กอายุ 2 ปีขึ้นไป ไม่ควรใช้ในเด็กอายุต่ำกว่า 2 ปี เพราะอาจมีอาการข้างเคียงที่รุนแรงได้ การใช้ยาในเด็กอายุ 2-6 ปี จะต้องอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์ และต้องใช้ยาอย่างระมัดระวังในเด็กอายุ 6-11 ปี ข้อควรระวัง ข้อควรระวังในการใช้ ยาคลอเฟนิรามีน คือ – หลีกเลี่ยงการทำงานกับเครื่องจักรหรือการขับขี่ยวดยานพาหนะ เพราะยานี้มีฤทธิ์ทำให้รู้สึกง่วงนอน – ระวังการใช้ยากับผู้ที่แพ้ยาชนิดนี้ |
– Ketoconazole 1×1 ๏ pc 30 tab.. | ข้อบ่งชี้ยานี้ใช้เพื่อรักษาการติดเชื้อรา เช่น กลากที่ลำตัว, กลากที่ขาหนีบ, เกลื้อน, รังแค และการติดเชื้อราในร่างกาย
ข้อควรระวัง ข้อควรระวังในการใช้ยาคีโตโคนาโซล คือ 1. ระวังการใช้ยาในผู้ที่ป่วยที่เป็นโรคตับ 2.ห้ามใช้ยาชนิดรับประทานในหญิงตั้งครรภ์ 3.ห้ามใช้ยากับผู้ที่แพ้ยานี้ · |
บรรณานุกรม
นงณภัทร รุ่งเนย. (2550). การประเมินภาวะสุขภาพสำหรับพยาบาลเวชปฏิบัติ. เพชรบุรี: มุมหนึ่ง พรินติ้ง.
ประไพ โรจน์ประทักษ์. (2551). เวชปฏิบัติทางการพยาบาล (พิมพ์ครั้งที่ 3). กรุงเทพมหานคร: บริษัทธนาเพรส จำกัด.
วราภรณ์ บุญเชียง. (บรรณาธิการ). (2556). การรักษาพยาบาลโรคเบื้องต้น (พิมพ์ครั้งที่ 2). เชียงใหม่: สำนักพิมพ์มหาวิทยาลัยเชียงใหม่.
ธีรพร รัตนาเอกชัย และสุภาภรณ์ ศรีร่มโพธิ์ทอง. (2551). ตำราหู คอ จมูก. ขอนแก่น: คลังนานาวิทยา.
วันดี ไข่มุกด์. (2555). โรคของหูชั้นนอก External ear diseases. สงขลา: คณะแพทย์ศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์.
ธิดา นสานนท์, ปรีชา มนทกานติกุล และสุวัฒนา จุฬาวัฒนทล. (2552). คู่มือการใช้ยาสำหรับบุคลากรสาธารณสุข. (พิมพ์ครั้งที่ 5). กรุงเทพมหานคร: บริษัท ประชาชน จำกัด.
สุรเกียรติ อาชานานุภาพ. (2553). ตำราการตรวจรักษาโรคทั่วไป 1. (พิมพ์ครั้งที่ 5). กรุงเทพฯ: พิมพ์ดี
กรุงเทพฯ.
สุรเกียรติ อาชานานุภาพ. (2553). ตำราการตรวจรักษาโรคทั่วไป 2. (พิมพ์ครั้งที่ 5). กรุงเทพฯ: พิมพ์ดี
กรุงเทพฯ.
พยาบาลชุมชนคนหนึ่ง ที่อยากแบ่งปันประสบการณ์ต่าง ๆ ที่ผ่านเข้ามาในชีวิต ต้องการถ่ายทอดเรื่องราวต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในอำเภอนาคู จังหวัดกาฬสินธุ์ ซึ่งเป็นถิ่นกำเนิด เชิญทุกท่านร่วมแบ่งปันเรื่องราว ความรู้ ประสบการณ์ ด้วยกันนะครับ