หลายท่านอาจได้รู้จักชื่อเดือนในภาคสากลแล้ว คราวนี้เรามารู้จักเดือนไทยของเรากันบ้างดีกว่า ผมได้อ่านบทความจากหนังสือและคิดว่าน่าสนใจและอาจจะมีหลายท่านที่อาจจะยังไม่รู้ว่าทำไมเดือนไทยของเรา ต้องลงท้ายด้วยคำว่า “คม” หรือ “ยน” วันนี้ผมมีคำตอบครับ
คำว่า ” คม ” มาจากคำว่า “อาคม” ไม่ใช่พ่อมด หมอผีนะครับ
ส่วนคำว่า ” ยน ” มาจากคำว่า “อายน” ซึ่งทั้งสองคำนี้แปลว่า ” การมาถึง “
ดังนั้น เดือนเมษายน มาจากคำว่า เมษ + อายน จึงแปลว่า การมาถึง ราศีเมษ
เดือน พฤษภาคม มาจากคำว่า พฤษภ + อาคม จึงแปลว่า การมาถึงราศีพฤษภ
โดยเดือนของไทยอาจจะมีชื่อเรียกเฉาพะในบางเดือนอ้ายคือเดือน 1 ก็คือธันวาคม เดือนยี่คือเดือน 2 ก็คือเดือนมกราคม
จันทรคติ คือ การนับวันเดือนปี โดยใช้การโคจรของพระจันทร์เป็นเกณฑ์ คือ นับขึ้นแรม นับเดือนอ้าย ยี่ สาม สี่ ฯลฯ นับปี ชวด ฉลู ขาล เถาะ ฯลฯ เรียกว่าการนับทางจันทรคติ
แต่เดิมนั้น เราถือเอาวันแรม 1 ค่ำเดือนอ้าย เป็นวันขึ้นปีใหม่ เพื่อให้สอดคล้องกับคติแห่งพระพุทธศาสนา ซึ่งถือช่วงเหมันต์หรือหน้าหนาวเป็นการเริ่มต้นปี ต่อมาได้เปลี่ยนแปลงไปตามคติพราหมณ์ คือถือเอาวันขึ้น 1 ค่ำ เดือน 5 เป็นวันขึ้นปีใหม่ ซึ่งตรงกับวันสงกรานต์ ดังนั้น ในสมัยโบราณาเราจึงถือเอาวันสงกรานต์เป็นวันขึ้นปีใหม่ของไทย
เดือน 5 เมษายน
เดือน 6 พฤษภาคม
เดือน 7 มิถุนายน
เดือน 8 กรกฎาคม
เดือน 9 สิงหาคม
เดือน 10กันยายน
เดือน 11ตุลาคม
เดือน 12พฤศจิกายน
เดือน 1 ธันวาคม
เดือน 2 มกราคม
เดือน 3 กุมภาพันธ์
เดือน 4 มีนาคม
เป็นอย่างไรบ้างครับ น่าจะพอเข้าใจได้ไม่ยาก แต่มันจะยากตรงที่จะจำยังไงให้ได้หว่า…. เอาง่ายๆว่าอ้ายคือ 1 (ภาษาอีสานก็อ้ายแปลว่าพี่ ก็ต้องเกิดก่อนหรือมาก่อนก็คือ เดือน 1 นับที่ธันวาคม) ยี่ก็คือ 2 รองจากอ้ายนับต่อจากธันวามาก็คือมกราคม ซึ่งก็น่าจะเป็นประโยชน์แก่ผู้ที่ชอบดูดวงบ้างนะครับ อิอิ
พยาบาลชุมชนคนหนึ่ง ที่อยากแบ่งปันประสบการณ์ต่าง ๆ ที่ผ่านเข้ามาในชีวิต ต้องการถ่ายทอดเรื่องราวต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในอำเภอนาคู จังหวัดกาฬสินธุ์ ซึ่งเป็นถิ่นกำเนิด เชิญทุกท่านร่วมแบ่งปันเรื่องราว ความรู้ ประสบการณ์ ด้วยกันนะครับ