วัฒนธรรมของสังคมไทยแวดล้อมไปด้วยธรรมชาติความเป็นอยู่วิถีชีวิตที่เรียบง่ายอันประกอบขึ้นด้วยความรักความปรารถนาดี ความรักของแม่ที่มีให้ลูกช่างเป็นความรักที่อวลไปด้วยกลิ่นไอของความอบอุ่นที่สัมผัสได้ ทั้งยามหลับและยามตื่น ขณะที่ลูกกำลังหลับพริ้มด้วยใบหน้าอันยิ้มแย้มแม่ก็จะโอบกอดลูก จูบลูก ลูบหัวลูก จูบมือ จูบเท้าลูก ปากก็พร่ำรำพันด้วยความรักความเอ็นดูเวลาจะเรียกลูกก็เรียกด้วยคำเอาใจต่างๆ นานา ลูกรักของแม่ ทูนหัวของแม่ คนดีของแม่ ดวงใจของแม่ แม่คุณ หรือพ่อคุณของแม่ เมื่อลูกเติบโตลูกๆ ก็เป็นเหมือนตัวละครที่โลดแล่นไปตามจังหวะความคาดหวังของพ่อแม่ ยิ่งพ่อแม่มีลูกหลายคนก็เป็นเครื่องประกันได้ว่า ตนจะไม่ต้องว้าเหว่ในวัยชรา
สังคมไทยครอบครัวไทยเป็นเช่นนี้ เป็นเวลาช้านานมาแล้วที่บทเห่กล่อมเป็นโครงกลอนประเภทแรกที่เด็กได้ยินได้ฟัง ความเป็นเจ้าบทเจ้ากลอน ความรักความทนุถนอม ความรักสนุก ความช่างล้อเล่นรื่นเริง และมีคติธรรมประจำใจ ล้วนแต่สะท้อนให้เห็นวิถีชีวิตทางวัฒนธรรมไทยอันดีงามของเรา
เพลงกล่อมเด็กของไทยมีมากมายทั้งบทกล่อมให้เด็กนอน บทปลอบโยนเมื่อเด็กไม่ได้ดั่งใจ บทคำร้องเล่นต่างๆ ของเด็กสมัยเรา เป็นสิ่งที่ประทับใจที่บางกอกเดี๋ยวนี้ยากที่จะได้เห็นได้ยินได้ฟัง ด้วยภาระการหาเลี้ยงชีพต้องตีนถีบปากกัด เช้าก็งกๆ รีบออกไปทำงาน เย็นกว่าจะกลับบ้านลูกก็หลับแล้ว ลูกในปัจจุบันยากที่จะได้รับความรักแบบตรงๆ จากพ่อแม่ สิ่งที่ลูกยุคปัจจุบันได้รับคือลักษณะนิสัยของพี่เลี้ยงที่เขาเลี้ยงเพื่อค่าจ้างไปวันๆ ผลที่ตามมาคือสังคมปัจจุบันเต็มไปด้วยวัยรุ่นที่จิตใจหยาบกระด้าง ขาดสัมมาคารวะ เห็นแก่ตัว เอารัดเอาเปรียบ มักง่ายทำอะไรตามใจตน
คนสมัยก่อนบ้านใครมีลูกอ่อนมีเด็กใครเดินผ่านบ้านนั้นก็จะพบราวผ้าอ้อมสีขาว บนราวเหน็บด้วยไม้หนีบปลิวไสว ยามกลางวันยามบ่ายก็จะได้ยินเสียงปู่ย่าตายายร้องเพลงกล่อมด้วยเสียง โอละเห่ โอละชา พร้อมทั้งเสียงไม้หรือมือที่ตบลงบนพื้นกระดาน แล้วเปล่งเสียงอันดังว่า “นอน นอน นอนลูกนอน นอนซะนอน อย่าร้องไป เดี๋ยวตุ๊กแกมันได้ยิน มันจะมากินตับเด็กที่ร้องนะ” แล้วก็เป็นเสียงกล่อม โอละเห่ สลับกัน มือก็ไกวเปลปากก็เห่กล่อมดังนี้ต่อไปจนกว่าลูกหลานจะหลับ เพลงที่เราจำได้และที่ยายเคยร้องกล่อมเราก็มี
เจ้านกเขาเอย ขันอยู่แต่เช้าจนเที่ยง
พระสุริยาบ่ายเบี่ยง เที่ยงแล้วจงนอนเปลเอย
__________________________________
ไอ้แมวหง่าวเอย ตัวมันยาวท้องย้อย
เด็กนอนไม่หลับ มากินตับเสียสักหน่อย
หนึ่งเถิดไอ้แมวหง่าวเอย
__________________________________
เจ้านกขมิ้นเหลืองอ่อนเอย ค่ำแล้วจะนอนที่ตรงไหน
จะนอนไหนก็นอนได้ สุมทุมพุ่มไม้ก็เคยนอน
ลมพระพายพัดมาอ่อนอ่อน เจ้าเคยจรมานอนรังเอย
__________________________________
เจ้านกกาเหว่าเอย ไข่ไว้ให้แม่กาฟัก
แม่กาก็หลงรัก คิดว่าลูกในอุทร
คาบเอาข้าวมาเผื่อ คาบเอาเหยื่อมาป้อน
ถนอมไว้ในรังนอน ซ่อนเหยื่อมาให้กิน
ปีกเจ้ายังอ่อนคลอแคล ท้อแท้แม่จะสอนบิน
พาลูกออกไปหากิน ที่ปากน้ำพระคงคา
ตีนเจ้าเหยียบสาหร่าย ปากก็ไซร้หาปลา
กินกุ้งและกินกั้ง กินหอยกระพังแมงดา
กินแล้วก็โผมา จับที่ต้นพฤกษาโพธิ์ทอง
ยังมีนายพราน เที่ยวเยี่ยมเยี่ยมมองมอง
ยกเอาปืนขึ้นส่อง จ้องยิงถูกแม่กาดำ
ตัวหนึ่งว่าจะต้ม ตัวหนึ่งว่าจะยำ
กินนางแม่กาดำ ค่ำวันนี้อุแม่นา
__________________________________
ส่วนบทกล่อมเด็กที่เรายังพอจำได้ก็มี
โยกเยกเอย น้ำท่วมเมฆ กระต่ายลอยคอ หมาหางงอ กอดคอโยกเยก
ถ้าตั้งไข่ล้ม จะต้มไข่กิน ไข่พลัดตกดิน ใครอย่ากินไข่เน้อ
แม่ใครมา น้ำตาใครไหล ได้เบี้ยสองไพ ติดมือแม่มา
กาเอ๋ยกา บินมาไวไว ไปจับต้นโพธิ์ โผมาต้นไทร
จิงโจ้เอย มาโล้สำเภา หมาในไล่เห่า จิงโจ้ตกน้ำ หมาในไล่ซ้ำ จิงโจ้ดำหนี ได้กล้วยสองหวี ทำขวัญจิงโจ้ ไชโยโห่ฮิ้ว
__________________________________
ส่วนบทที่เด็กๆ อย่างเราชอบร้องเล่นในสมัยนั้นก็มี
ขี่ตู่กลางนา ขี้ตาตุ๊กแก ขี้มูกยายแก่ ออระแร้ อรชร
รีรีข้าวสาร สองทนานข้าวเปลือก เลือกท้องใบลาน เก็บเบี้ยใต้ถุนร้าน พาลเอาคนข้างหลังไว้
ตะเข้ตะโขง อยู่โพรงไม้สัก ตะเข้ฟันหัก กัดใครไม่เข้า
ซักเส้าเอย มะนาวโตงเตง ขุนนางมาเอง จะเล่นซักเส้า มือใครยาว สาวได้สาวเอา มือใครสั้น เอาเถาวัลย์ต่อเข้า
แต่ในปัจจุบัน ภาพที่เคยเห็นจนชินตาเหล่านี้ ได้ค่อยๆเลือนหายไปโดยพวกเราคนไทยไม่รู้ตัว เพลงเหล่านี้ถูกแทนที่ด้วยสมาร์ทโฟน แท็บเลต หรือเกมส์คอมพิวเตอร์ ที่พ่อ แม่ผู้ปกครอง สรรหามาให้ลูกได้เล่นหรือ เอาไวเเปิด Youtube กล่อมลูกนอน เปิดเพลงโมสาร์ท บีโทเฟ่น แทนที่จะเป็นเสียงขับกล่อมของผู้เป็นพ่อ เป็นแม่เอง
ที่มา : ศิริพงศ์ ครุพันธ์กิจ
๒๕ พฤศจิกายน ๒๕๕๒
พยาบาลชุมชนคนหนึ่ง ที่อยากแบ่งปันประสบการณ์ต่าง ๆ ที่ผ่านเข้ามาในชีวิต ต้องการถ่ายทอดเรื่องราวต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในอำเภอนาคู จังหวัดกาฬสินธุ์ ซึ่งเป็นถิ่นกำเนิด เชิญทุกท่านร่วมแบ่งปันเรื่องราว ความรู้ ประสบการณ์ ด้วยกันนะครับ