เก็บมาเล่า » 2 สามี ภรรยา หายตัวไปกว่า 3 ปี กับความจริงที่กำลังจะเปิดเผย

2 สามี ภรรยา หายตัวไปกว่า 3 ปี กับความจริงที่กำลังจะเปิดเผย

25 กันยายน 2012
1924   0

ถือเป็นมหากาพย์ คดีพิศวง งงกันไปเป็นแถบๆ กับผู้ต้องสงสัยคดีการหายตัวไปของ 2 สามีภรรยา ชาวเพชรบุรี นั่นคือ พ.ต.อ.นพ.สุพัฒน์ เลาหะวัฒนะ นพ.สบ 5 ท่านเป็นนายแพทย์ กลุ่มงานเวชศาสตร์ครอบครัว รพ.ตำรวจ

 

แต่คนร้ายย่อมต้องทิ้งหลักฐานเอาไว้เสมอ! นับเป็นวลีสุดอมตะของตำรวจในแวดวงนักสืบ(โคนันด้วยรึเปล่าหว่า) ที่มักจะใช้เป็นแนวทางในสืบสวนคลี่คลายคดีไม่ว่าจะเป็นคดีเล็กหรือคดีใหญ่ โดยเฉพาะคดีที่บรรดาผู้กระทำผิดเป็นมือสมัครเล่นหรือบ่ได้เป็นอาชญากรโดยสายเลือด จึงมักจะมีหลักฐานสำคัญ ๆ หลงเหลือให้เห็นอยู่มากมาย

ดังจะเห็นได้จากคดีนี้ ซึ่งกำลังเป็นที่สนใจของคนในสังคม ไม่เว้นแม้แต่ผม ข่าวเข้าหูเมื่อไหร่ต้องเงี่ยงหูฟังตลอดโดยเฉพาะข่าว 3 มิติ

 

โดยคดีนี้เริ่มต้นตั้งแต่ปี พ.ศ. 2552 การหายตัวไปอย่างเป็นปริศนาของสองสามีภรรยา คือ นายสามารถ นุ่มจุ้ย อายุ 27 ปี และ น.ส.อรษา เกิดทรัพย์ อายุ 27 ปี เป็นชาว ต.ท่าไม้รวก อ.ท่ายาง จ.เพชรบุรี ทางครอบครัวแจ้งหายเอาไว้ที่ สภ.ท่าไม้รวก อ.ท่ายาง เรื่องราวเกิดขึ้นมานานกว่า 3 ปีแล้ว คดีไม่มีอะไรคืบหน้า มีแต่เพียงข่าวลือไปต่าง ๆ นานาให้ทั้งสองครอบครัวได้รับรู้เท่านั้น ซึ่งระหว่างนั้นพ่อของนายสามารถได้โทร.ไปสอบถาม นพ.สุพัฒน์ เกี่ยวกับการหายตัวไปของลูกชายและสะใภ้เพราะรู้จักกัน มีไร่สัปะรดติดกัน คุ้นเคยกันดี แต่นพ.สุพัฒน์ บอกว่าไม่รู้เรื่อง
พี่สาวของผู้ตายคือ น.ส.วิมล รู้จักมักคุ้นกับ นพ.สุพัฒน์ เพราะทำงานที่ รพ.ตำรวจด้วยกัน แต่ทำฝ่ายเวชสถิติ 
ปี 2552 นพ.สุพัฒน์  ได้ฆ่าหมกศพ 2 สามีภรรยาแล้วก็คนงานพม่า 2 คน (เป็นข้อกล่าวหาที่ยังไม่ได้พิสูจน์) แล้วนำศพไปฝังไว้ที่ไร่ข้าวโพดในเพชรบุรี แล้วนำรถกระบะของ 2 สามีภรรยาไปเก็บไว้ในบ้านของตนเองที่นนทบุรี ในรถนั้นก็เต็มไปด้วยหลักฐานต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นคราบเลือด หมวก บัตรประชาชน คงคิดว่าจะปลอดภัยจากผู้พบเห็นมากที่สุดเพราะเป็นที่ส่วนบุคคล
ปี 2555 นพ.สุพัฒน์ มีปัญหาฟ้องร้องกันเรื่องมรดกกับพี่ชายในสายเลือด แล้วคุณหมอก็ของให้ น.ส.วิมล(พี่สาวผู้ตาย)ไปเป็นพยานในศาลว่าคุณหมอเป็นคนเลี้ยงดูมารดาที่ป่วยเป็นอัลไซเมอร์ แต่พี่ชายคือนายสุเทพ ให้ข้อมูลว่าคุณหมอให้ยาคุณแม่หลายขนาน ทั้งที่ไม่ได้เป็นโรคอะไรเช่น ยาลดความดัน(ทั้งที่ไม่ได้เป็นความดัน) ยากล่อมประสาท ทำให้เลือดไปเลี้ยงสมองไม่ดี หลงๆลืมแล้วให้ตัวเองเป็นผู้เลี้ยงดู(คงหวังมรดกเลือด)
ระหว่างนั้นพี่ชายคุณหมอหรือคุณสุเทพทราบว่าคุณหมอจะเบิกพยานขึ้นให้การในคดีมรดก จึงทำให้คุณสุเทพและคุณวิมล(พี่สาวผู้ตาย)ได้คุยกันมากขึ้นในรายละเอียด ทำให้คุณสุเทพทราบเรื่องการหายตัวไปของ 2 สามีภรรยาพร้อมรถกระบะ
จากนั้นคุณสุเทพจึงให้ข้อมูลเกี่ยวกับรถกระบะที่จอดทิ้งไว้อยู่บ้านที่นนทบุรี ซึ่งบ้านหลังนี้มีชื่อของหมอสุพัฒน์และคุณสุเทพเป็นเจ้าของ 
เมื่อคุณสุเทพเห็นว่าน้องชายตนเองมีพิรุธ จึงได้สอบถามไปยังคนงานในไร่ของหมอสุพัฒน์ เพื่อขอรายละเอียดบางอย่าง 
นายกะลา คนงานต่างด้าวที่เสียแขนไป 1 ข้าง เห็นว่านายสุเทพกำลังมีปัญหากับหมอสุพัฒน์ จึงถือโอกาสเปิดโปงมหกาพย์แห่งความโหดร้ายออกมาสู่สายตาชาวโลกให้กับพี่ชายหมอสุพัฒน์ฟัง
ระหว่างนั้น พ่อ-แม่ของผู้ตายได้ทราบเรื่องจากลูกสาวคือ น.ส.วิมล จึงได้โทร.ไปหาหมอสุพัฒน์ แต่กลับได้รับคำข่มขู่ว่า ให้หยุดค้นหาเรื่องราวซะ ไม่งั้นจะโดนเก็บ เพราะหมอเป็นคนมีเงิน มีอิทธิพลเยอะเพราะคอยให้บริการ ดูแลสุขภาพนายตำรวจระดับบิ๊กหลายท่าน ทำให้ตำรวจในท้องที่ไม่กล้าเข้าไปยุ่งเกี่ยวมากนัก 
แต่พ่อแม่ของนายสามารถไม่ได้กลัวอิทธิพลของหมอที่เป็นทั้งหมอและตำรวจแต่อย่างใด ยังมีความมุ่งมั่นตั้งใจ ที่จะนำเรื่องไปฟ้องตำรวจอยู่ดี คงเข้าใจหัวอกคนเป็นพ่อ-แม่นะครับ 

ซีรี่ย์เรื่องนี้.. อยากให้ทุกๆคนสังเกตอย่างหนึ่งนะครับ

ว่าบุคคลในเรื่อง อาจจะพูดจริงหรืออาจจะพูดเท็จ เพื่อผลประโยชน์ของตัวเองอะไรก็แล้วแต่ ฯลฯ

แต่.. คนที่เป็น “พ่อ” และ “แม่” ลูกชายหายไป 3 ปี แถมยังขุดเจอศพโดนฆ่าหมกศพขนาดนั้น..

หัวอกพ่อแม่ ไม่มีทางพูดเท็จแน่นอน และยิ่งไม่มีทางสมคบคิดกับใครโดยใช้การตายของลูกมาทำให้เกิดผลเป็นเงินทองแน่นอน…

ดังนั้น.. ในทางจิตวิทยา.. คำพูดของพ่อแม่ผู้ตาย ไว้ใจได้มากที่สุด

ซึ่งพ่อของนายสามารถ ให้การว่า.. ตอนที่ทราบเรื่องจากน.ส.วิมล(เรื่องรถกระบะ) ได้โทรไปหาหมอสุพัฒน์ และโดนหมอสุพัฒน์ข่มขู่กลับมาว่าห้ามสืบสาวราวเรื่องต่อ ไม่งั้นจะโดนดีแน่

จุดนี้สำคัญมากๆ.. และทำให้เราเชื่อมั่นว่า.. หมอนั่นแหละ ฆาตรกร

อีกทั้ง จากคำให้การของพ่อผู้ตาย ที่บอกว่า หมอมีนิสัยชอบล่าสัตว์ ชอบยิงปืน และเป็นคนอารมณ์ร้อนเคยตบบ้องหูลูกชาย(ลูกหมอนะ)ต่อหน้าตนจนลูกหูฉีกมาแล้ว…เฮ้อ

ตอนนี้ มันมีพยานบุคคล พยานแวดล้อม เหลือแค่พวกผลตรวจ DNA และผลตรวจลายนิ้วมือ แค่นี้หมอก็หนีไม่รอดแล้ว!! 

แล้วอีกอย่าง.. ตอนนี้เมียหมอก็หนีไปแล้ว ตำรวจไปตรวจค้นที่ห้องพักก็ล๊อคไว้ คนแถวนั้นบอกไม่มีใครมาหลายวันแล้ว ถ้าหมอไม่ผิด เมียหมอจะหนีทำไม ?? ว่ามั๊ยครับ

ส่วนเรื่องเหตุจูงใจในการฆ่า เราเชื่อว่า เป็นเหตุผลเดียวกัน กับที่หมอฆ่าคนงานพม่า 2 ศพนั่นแหละ

คือ คนที่โมโหร้าย และอารมณ์ร้ายอ่ะนะ เวลาใครมาพูดอะไรไม่เข้าหู หรือพูดอะไรขัดใจ ก็จะโกรธมากๆ อาจจะเป็นความผิดปกติทางจิตที่เรียกว่า โรคไบโพลาร์ หรืออาการ คนสองบุคลิก

คดีนี้คงยังไม่ปิดง่าย ๆ อย่างแน่นอน หลังจากได้พบรถปิกอัพของผู้สูญหาย รวมไปถึงซากศพอีก 3 ศพแล้ว ส่วน พ.ต.อ.นพ.สุพัฒน์ ตอนแรกนัดจะมอบตัวที่ บช.ภ.7 ในวันที่ 22 ก.ย. แต่สุดท้ายถูกตำรวจแกะรอยจากมือถือตามไปรวบได้ที่รีสอร์ท บริเวณหาดปึกเตียน จ.เพชรบุรี จึงควบคุมตัวมาสอบที่ บช.ภ.7 จ.นครปฐม ท่ามกลางสื่อมวลชนเกาะติดตามทำข่าว เบื้องต้นยังคงให้การปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา ยืนยันไม่รู้เรื่องใด ๆ ทั้งสิ้น โดยขอไปให้การบนชั้นศาล แล้วศาลก็ไม่ให้ประกันตัว ส่งไปฝากขังต่อเรือนจำเพชรบุรีแล้ว

เรียกว่าเป็นคดีใหญ่ค่อนข้างสลับซับซ้อนซ่อนเงื่อนไม่ธรรมดาในรอบปี ดังนั้นยังคงต้องเฝ้าติดตามความคืบหน้าแบบไม่
กะพริบตาว่าเรื่องนี้จะลงเอยเช่นไร?? เรื่องราวเหล่านี้เอาไปทำหนังคงหลอนน่าดู  บทความต่อไปคงต้องตามติดถึงผล DNA นะครับ

รวมคลิปข่าวครับ





 

แต่ประเด็นสุดท้ายที่อยากจะรู้คือ 2 สามีภรรยาตายอย่างไร ทำไมถึงตาย ใครคือฆาตรกรตัวจริงกันแน่.
ขอขอบคุณข้อมูลจาก พันทิพดอทคอม.
 

This site uses Akismet to reduce spam. Learn how your comment data is processed.

www.nakhu.com แหล่งชุมนุมของคนชอบเที่ยว โดยรูปภาพและบทความที่จัดทำขึ้นทั้งหมดในเว็บไซต์ขอสงวนลิขสิทธิ์ตามกฎหมาย ห้ามผู้ใดทำซ้ำหรือเผยแพร่เชิงพาณิชย์ในทุกสื่อ ไม่ว่าจะเป็นบางส่วนหรือทั้งหมดโดยไม่ได้รับอนุญาต