ถือเป็นมหากาพย์ คดีพิศวง งงกันไปเป็นแถบๆ กับผู้ต้องสงสัยคดีการหายตัวไปของ 2 สามีภรรยา ชาวเพชรบุรี นั่นคือ พ.ต.อ.นพ.สุพัฒน์ เลาหะวัฒนะ นพ.สบ 5 ท่านเป็นนายแพทย์ กลุ่มงานเวชศาสตร์ครอบครัว รพ.ตำรวจ
แต่คนร้ายย่อมต้องทิ้งหลักฐานเอาไว้เสมอ! นับเป็นวลีสุดอมตะของตำรวจในแวดวงนักสืบ(โคนันด้วยรึเปล่าหว่า) ที่มักจะใช้เป็นแนวทางในสืบสวนคลี่คลายคดีไม่ว่าจะเป็นคดีเล็กหรือคดีใหญ่ โดยเฉพาะคดีที่บรรดาผู้กระทำผิดเป็นมือสมัครเล่นหรือบ่ได้เป็นอาชญากรโดยสายเลือด จึงมักจะมีหลักฐานสำคัญ ๆ หลงเหลือให้เห็นอยู่มากมาย
ดังจะเห็นได้จากคดีนี้ ซึ่งกำลังเป็นที่สนใจของคนในสังคม ไม่เว้นแม้แต่ผม ข่าวเข้าหูเมื่อไหร่ต้องเงี่ยงหูฟังตลอดโดยเฉพาะข่าว 3 มิติ
ซีรี่ย์เรื่องนี้.. อยากให้ทุกๆคนสังเกตอย่างหนึ่งนะครับ
ว่าบุคคลในเรื่อง อาจจะพูดจริงหรืออาจจะพูดเท็จ เพื่อผลประโยชน์ของตัวเองอะไรก็แล้วแต่ ฯลฯ
แต่.. คนที่เป็น “พ่อ” และ “แม่” ลูกชายหายไป 3 ปี แถมยังขุดเจอศพโดนฆ่าหมกศพขนาดนั้น..
หัวอกพ่อแม่ ไม่มีทางพูดเท็จแน่นอน และยิ่งไม่มีทางสมคบคิดกับใครโดยใช้การตายของลูกมาทำให้เกิดผลเป็นเงินทองแน่นอน…
ดังนั้น.. ในทางจิตวิทยา.. คำพูดของพ่อแม่ผู้ตาย ไว้ใจได้มากที่สุด
ซึ่งพ่อของนายสามารถ ให้การว่า.. ตอนที่ทราบเรื่องจากน.ส.วิมล(เรื่องรถกระบะ) ได้โทรไปหาหมอสุพัฒน์ และโดนหมอสุพัฒน์ข่มขู่กลับมาว่าห้ามสืบสาวราวเรื่องต่อ ไม่งั้นจะโดนดีแน่
จุดนี้สำคัญมากๆ.. และทำให้เราเชื่อมั่นว่า.. หมอนั่นแหละ ฆาตรกร
อีกทั้ง จากคำให้การของพ่อผู้ตาย ที่บอกว่า หมอมีนิสัยชอบล่าสัตว์ ชอบยิงปืน และเป็นคนอารมณ์ร้อนเคยตบบ้องหูลูกชาย(ลูกหมอนะ)ต่อหน้าตนจนลูกหูฉีกมาแล้ว…เฮ้อ
—
ตอนนี้ มันมีพยานบุคคล พยานแวดล้อม เหลือแค่พวกผลตรวจ DNA และผลตรวจลายนิ้วมือ แค่นี้หมอก็หนีไม่รอดแล้ว!!
แล้วอีกอย่าง.. ตอนนี้เมียหมอก็หนีไปแล้ว ตำรวจไปตรวจค้นที่ห้องพักก็ล๊อคไว้ คนแถวนั้นบอกไม่มีใครมาหลายวันแล้ว ถ้าหมอไม่ผิด เมียหมอจะหนีทำไม ?? ว่ามั๊ยครับ
ส่วนเรื่องเหตุจูงใจในการฆ่า เราเชื่อว่า เป็นเหตุผลเดียวกัน กับที่หมอฆ่าคนงานพม่า 2 ศพนั่นแหละ
คือ คนที่โมโหร้าย และอารมณ์ร้ายอ่ะนะ เวลาใครมาพูดอะไรไม่เข้าหู หรือพูดอะไรขัดใจ ก็จะโกรธมากๆ อาจจะเป็นความผิดปกติทางจิตที่เรียกว่า โรคไบโพลาร์ หรืออาการ คนสองบุคลิก
คดีนี้คงยังไม่ปิดง่าย ๆ อย่างแน่นอน หลังจากได้พบรถปิกอัพของผู้สูญหาย รวมไปถึงซากศพอีก 3 ศพแล้ว ส่วน พ.ต.อ.นพ.สุพัฒน์ ตอนแรกนัดจะมอบตัวที่ บช.ภ.7 ในวันที่ 22 ก.ย. แต่สุดท้ายถูกตำรวจแกะรอยจากมือถือตามไปรวบได้ที่รีสอร์ท บริเวณหาดปึกเตียน จ.เพชรบุรี จึงควบคุมตัวมาสอบที่ บช.ภ.7 จ.นครปฐม ท่ามกลางสื่อมวลชนเกาะติดตามทำข่าว เบื้องต้นยังคงให้การปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา ยืนยันไม่รู้เรื่องใด ๆ ทั้งสิ้น โดยขอไปให้การบนชั้นศาล แล้วศาลก็ไม่ให้ประกันตัว ส่งไปฝากขังต่อเรือนจำเพชรบุรีแล้ว
เรียกว่าเป็นคดีใหญ่ค่อนข้างสลับซับซ้อนซ่อนเงื่อนไม่ธรรมดาในรอบปี ดังนั้นยังคงต้องเฝ้าติดตามความคืบหน้าแบบไม่
กะพริบตาว่าเรื่องนี้จะลงเอยเช่นไร?? เรื่องราวเหล่านี้เอาไปทำหนังคงหลอนน่าดู บทความต่อไปคงต้องตามติดถึงผล DNA นะครับ
พยาบาลชุมชนคนหนึ่ง ที่อยากแบ่งปันประสบการณ์ต่าง ๆ ที่ผ่านเข้ามาในชีวิต ต้องการถ่ายทอดเรื่องราวต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในอำเภอนาคู จังหวัดกาฬสินธุ์ ซึ่งเป็นถิ่นกำเนิด เชิญทุกท่านร่วมแบ่งปันเรื่องราว ความรู้ ประสบการณ์ ด้วยกันนะครับ