เมื่อ Steve jobs จากไปจะครบ 1 ปี

เกือบจะครบ 1 ปีแล้วนะครับที่บุรุษที่ทำให้โลกจดจำชื่อของเขาไปตราบนานเท่านาน

ครับ นั่นคือ สตีฟ จ็อบส์ ผู้ก่อตั้งบริษัทยักใหญ่อย่าง Apple จ็อบส์เป็นเจ้าพ่อแห่งนวัตกรรมเทคโนโลยีผู้สร้างสรรค์ iPhone, iPad, iPod, ให้ผู้คนได้ก้าวเข้าสู่โลกแห่งการสื่อสารเชื่อมโลกเข้าด้วยกัน   โดยก่อนที่แอปเปิ้ลจะประสบความสำเร็จอย่างสูงสุดดังเป็นพลุแตกได้จนถึงทุกวันนี้ จ็อบส์ต้องทุ่มเทแรงกายแรงใจมาตลอดชีวิตของเขา ซึ่งต้องผ่านร้อน ผ่านหนาว ทั้งความสำเร็จและความล้มเหลวมาหลายต่อหลายครั้ง แต่เขาก็ไม่เคยย่อท้อกับอุปสรรคของชีวิตที่ผ่านพ้นเข้ามาให้เขาได้ทดสอบ

steve jobs

steve jobs

จนบ่อยครั้งที่จ็อบส์ถูกเชิญให้ไปกล่าวปฐกถา สุนทรพจน์ ให้ข้อคิดในการดำเนินชีวิตแก่นักศึกษาอยู่หลายต่อหลายครั้ง

ตัวอย่างข้อคิดดีๆจาก จ็อบส์

1. อย่าทิ้งความกระหาย อย่าคลายความซื่อ

2. ผมถูกไล่ออก แต่ผมยังมีความรักอยู่นั่นทำให้ผมตัดสินใจเริ่มต้นใหม่

3. อย่าตกเป็นทาสของกฎเกณฑ์-นั่นคือการใช้ชีวิตตามความคิดของคนอื่น อย่าปล่อยให้เสียงของคนอื่นดังกลบเสียงของหัวใจเราเอง

4. เวลาส่วนใหญ่ในชีวิตเราจะหมดไปกับงาน วิธีเดียวที่จะทำให้เรามีความสุขกับงานที่ทำก็คือ เมื่อเราทำงานที่ยอดเยี่ยม  และวิธีเดียวที่จะทำให้ได้งานออกมายอดเยี่ยม คือ เมื่อเรารักงานที่เราทำ

5.  ความตายเป็นสิ่งที่ดีที่สุดที่ธรรมชาติให้เรามา เป็นผู้นำความเปลี่ยนแปลงกำจัดของเก่าเพื่อสละพื้นที่ให้กับของใหม่

เพิ่มเติมจากที่เคยอ่านมา

6. คิดอย่างแตกต่าง

7. “คิดต่าง” อย่า “มัวแต่ยืนอยู่ในแถวเหมือนพวกแกะ”

8. คุณอยากใช้ชีวิตที่เหลือขายน้ำหวาน หรืออยากมีโอกาศเปลี่ยนแปลงโลก?

9. คุณ ไม่สามารถเพียงถามลูกค้าว่าพวกเขาต้องการอะไร แล้วพยายามมอบสิ่งที่พวกเขาต้องการให้พวกเขา เพราะกว่าคุณจะผลิตของสิ่งนั้นสำเร็จ พวกเขาก็อยากได้ของใหม่แล้ว

10. ผมเชื่อว่าครึ่งหนึ่งของสิ่งที่แยกระหว่างเจ้าของกิจการที่ประสบความสำเร็จและไม่ประสบความสำเร็จคือ ความไม่ยอมแพ้ล้วนๆ

 

Apple ในอนาคต

Apple ในอนาคต

แต่ความเคลื่อนไหวของผลิตภัณ์ตัวล่าสุดที่ทาง Apple ได้ปล่อยออกมานั่นคือ Iphone 5 ซึ่งเปิดตัวใกล้ๆวันครบรอบ 1 ปี จากการจากไปของจ๊อบส์ ซึ่งหาก Apple ยังไม่มีลูกเล่นอะไรใหม่ๆที่ผิดแยกแตกต่างไปจากเดิมๆที่เป็นอยู่ตอนนี้แล้วละก็ ไม่แน่อนาคตอาจจะโดน Android แซง แย่งตลาดไปได้อย่างแน่นอน

Apple

Apple

 

Apple ในอนาคต

Apple ในอนาคต

Apple ในอนาคต

Apple ในอนาคต

 

ก็ได้แต่หวังว่าApple ในอนาคตคงจะไม่เหมือนแอปเปิ้ลในรูปนี้นะครับ.

โรคอารมณ์สองขั้ว (Bipolar Disorder)หรืออาการคนสองบุคลิก

ขณะที่เกิดคดีสะเทือนขวัญในสังคมไทยขณะนี้นั่นก็คือคดีการหายตัวไปของ 2 สามีภรรยาชาวเพชรบุรี แล้วมีความเชื่อมโยงกับ  พ.ต.อ.นพ.สุพัฒน์ เลาหะวัฒนะ แพทย์ประจำ รพ.ตำรวจ ซึ่งตกเป็นผู้ต้องสงสัยเกี่ยวกับการหายตัวไปของ 2 สามีภรรยา ชาวเพชรบุรี 

นพ.สุพัฒน์

นพ.สุพัฒน์

แต่ประเด็นที่ผมขอนำเสนอในบทความนี้คือ ภาวะอารมณ์สองขั้วหรืออาการคนสองบุคลิก ซึ่งได้ข้อมมูลจากพี่ชายหมอสุพัฒน์ว่าคุณหมอเองมีภาวะแบบนี้มาตั้งแต่เด็ก โดยอยู่กับคนหมู่มากจะสุภาพเรียบร้อยมากเป็นเหมือนคนปกติทั่วไป แต่พอได้อยู่กับคนที่ด้อยกว่าหรือโดนขัดใจกลับแสดงความก้าวร้าวอย่างเห็นได้ชัด(จากการให้ข้อมูลของพี่ชายหมอสุพัฒน์)

 

ผมจึงได้ไปค้นคว้าข้อมูลว่า ไอ้โรคคน 2 บุคลิกนี่เป็นอย่างไร เพราะสมัยเรียนก็เรียนแบบจำได้บ้างไม่ได้บ้าง(แฮะๆแอบหลับซะมากกว่า) แต่ถ้าใครเป็นแล้วน่าจะเกิดอันตรายกับคนในสังคมมากนะครับ อย่างเหมือนในหนังฝรั่งที่เป็นฆาตรกรต่อเนื่อง ต่อหน้าดูดี ลับหลังโคตรโหด.

 

เข้าเรื่องกันดีกว่าครับ 

โรคอารมณ์สองขั้ว (Bipolar Disorder)หรืออาการคนสองบุคลิก ชื่อภาษาไทยของโรคนี้ชื่ออาจฟังไม่คุ้นเท่าไหร่ แต่ถ้าได้อ่านจบแล้ว ก็จะเห็นว่าลักษณะของโรคนี้เป็นแบบนั้นจริงๆ หรือหากมีใครอยากจะเสนอชื่อใหม่ที่คิดว่าน่าจะโดนกว่านี้ก็ยินดีนะครับ แต่ผมตั้งให้ว่า “โรคเสือซ่อนเขี้ยว”

 โรคอารมณ์สองขั้วเป็นความผิดปกติทางอารมณ์ ผู้ที่เป็นจะมีอารมณ์และพฤติกรรมเปลี่ยนแปลงไปอย่างชัดเจน 2 แบบ แบบแรกมีลักษณะอารมณ์และพฤติกรรมออกเป็นแบบซึมเศร้า แบบที่สองมีลักษณะคึกคักพลุ่งพล่าน  ซึ่งเรียกว่าเมเนีย (mania)

โรคอารมณ์สองขั้ว (Bipolar Disorder)

โรคอารมณ์สองขั้ว (Bipolar Disorder)

    จากภาพจะเห็นว่าผู้ที่เป็นจะอารมณ์เปลี่ยนแปลงไปจากปกติเป็นช่วงๆ โดยเป็นแบบซึมเศร้าตามด้วยช่วงเวลาที่เป็นปกติดี จากนั้นอีกเป็นปีอาจเกิดอาการแบบเมเนียขึ้นมา บางคนอาจเริ่มต้นด้วยอาการแบบเมเนียก่อนก็ได้ และไม่จำเป็นต้องตามด้วยอาการด้านตรงข้ามเสมอไป เช่น อาจมีอาการแบบ ซึมเศร้า – ปกติ – ซึมเศร้า – เมเนีย

โรคอารมณ์สองขั้ว (Bipolar Disorder)

โรคอารมณ์สองขั้ว (Bipolar Disorder)

เขามีอาการอย่างไร 

              ผู้ที่เป็นจะมีอาการแสดงออกมาทั้งในด้านอารมณ์ ความคิด และพฤติกรรม โดยในแต่ละระยะจะมีอาการนานหลายสัปดาห์ จนอาจถึงหลายเดือนหากไม่ได้รับการรักษา

           ในระยะซึมเศร้า ผู้ที่เป็นจะรู้สึกเบื่อหน่ายไปหมด จากเดิมชอบอ่านหนังสือพิมพ์ ติดละคร หรือดูข่าว ก็ไม่สนใจติดตาม อะไรๆ ก็ไม่เพลินใจไปหมด คุณยายบางคนหลานๆ มาเยี่ยมจากต่างจังหวัดแทนที่จะดีใจกลับรู้สึกเฉยๆ   บางคนจะมีอาการซึมเศร้า อารมณ์อ่อนไหวง่าย ร้องไห้เป็นว่าเล่น  บางคนจะหงุดหงิด ขวางหูขวางตาไปหมด ทนเสียงดังไม่ได้ ไม่อยากให้ใครมาวุ่นวาย อาการเบื่อเป็นมากจนแม้แต่อาหารการกินก็ไม่สนใจ บางคนน้ำหนักลดฮวบฮาบสัปดาห์ละ 2-3กก.ก็มี  เขาจะนั่งอยู่เฉยๆ ได้เป็นชั่วโมงๆ  ความจำก็แย่ลง มักหลงๆ ลืมๆ เพราะใจลอย ตัดสินใจอะไรก็ไม่ได้ เพราะไม่มั่นใจไปเสียหมด เขาจะมองสิ่งต่างๆ ในแง่ลบไปหมด คิดว่าตัวเองเป็นภาระของคนอื่น ไม่มีใครสนใจตนเอง ถ้าตายไปคงจะดีจะพ้นทุกข์เสียที  หากญาติหรือคนใกล้ชิดเห็นเขามีท่าทีบ่นไม่รู้จะอยู่ไปทำไม หรือพูดทำนองฝากฝัง สั่งเสีย อย่ามองข้ามหรือต่อว่าเขาว่าอย่าคิดมาก แต่ให้สนใจพยายามพูดคุยกับเขา รับฟังสิ่งที่เขาเล่าให้มากๆ ถ้ารู้สึกไม่เข้าใจหรือมองแล้วไม่ค่อยดี ขอแนะนำให้รีบพาไปพบแพทย์เพื่อรักษาโดยเร็ว

           ในทางตรงกันข้าม ในระยะเมเนีย เขาจะมีอาการเปลี่ยนไปอีกขั้วหนึ่งเลย เขาจะมั่นใจตัวเองมาก รู้สึกว่าตัวเองเก่ง ความคิดไอเดียต่างๆ แล่นกระฉูด เวลาคิดอะไรจะมองข้ามไป 2-3 ช็อตจนคนตามไม่ทัน การพูดจาจะลื่นไหลพูดเก่ง คล่องแคล่ว มนุษยสัมพันธ์ดี เรียกว่าเจอใครก็เข้าไปทักไปคุย เห็นใครก็อยากจะช่วย  ช่วงนี้เขาจะหน้าใหญ่ใจโต ใช้จ่ายเกินตัว ถ้าเป็นคุณตาคุณยายก็บริจาคเงินเข้าวัดจนลูกหลานระอา ถ้าเป็นเจ้าของบริษัทก็จัดงานเลี้ยง แจกโบนัส มีโครงการโปรเจคต่างๆ มากมาย   พลังของเขาจะมีเหลือเฟือ นอนดึกเพราะมีเรื่องให้ทำเยอะแยะไปหมด ตีสี่ก็ตื่นแล้ว ตื่นมาก็ทำโน่นทำนี่เลย ด้วยความที่เขาสนใจสิ่งต่างๆ มากมาย จึงทำให้เขาวอกแวกมาก ไม่สามารถอดทนทำเรื่องใดเรื่องหนึ่งได้นานๆ เขาทำงานเยอะ แต่ก็ไม่เสร็จเป็นชิ้นเป็นอันสักอย่าง ความยับยั้งชั่งใจตนเองมีน้อยมากเรียกว่าพอนึกอยากจะทำอะไรต้องทำทันที หากมีใครมาห้ามจะโกรธรุนแรง  อาการในระยะนี้หากเป็นมากๆ จะพูดไม่หยุด เสียงดัง เอาแต่ใจตัวเอง โกรธรุนแรงถึงขั้นอาละวาดถ้ามีคนขัดขวาง

 อาการระยะซึมเศร้าจะเกิดขึ้นแบบค่อยเป็นค่อยไป มักเป็นหลังมีเรื่องกระทบกระเทือนใจ เช่น สอบตก เปลี่ยนงาน มีปัญหาครอบครัว แต่จะต่างจากปกติคือเขาจะเศร้าไม่เลิก งานการทำไม่ได้ ขาดงานบ่อยๆ มักเป็นนานเป็นเดือนๆ

 อาการระยะเมเนียมักเกิดขึ้นเร็ว และเป็นมากขึ้นเรื่อยๆ จนภายใน 2-3 สัปดาห์อาการจะเต็มที่อารมณ์รุนแรง ก้าวร้าวจนญาติจะรับไม่ไหวต้องพามาโรงพยาบาล อาการในครั้งแรกๆ จะเกิดหลังมีเรื่องกดดัน แต่หากเป็นหลายๆ ครั้งก็มักเป็นขึ้นมาเองโดยที่ไม่มีปัญหาอะไรมากระตุ้นเลย

 ข้อสังเกตประการหนึ่งคือคนที่อยู่ในระยะเมเนียจะไม่คิดว่าตัวเองผิดปกติ มองว่าช่วงนี้ตัวเองอารมณ์ดีหรือใครๆ ก็ขยันกันได้  ในขณะที่หากเป็นระยะซึมเศร้าคนที่เป็นจะพอบอกได้ว่าตนเองเปลี่ยนไปจากเดิม

           ในระยะซึมเศร้าหากคนใกล้ชิดสนใจมักสังเกตไม่ยากเพราะเขาจะซึมลงดูอมทุกข์  แต่อาการแบบเมเนียจะบอกยากโดยเฉพาะในระยะแรกๆ ที่อาการยังไม่มาก เพราะดูเหมือนเขาจะเป็นแค่คนขยันอารมณ์ดีเท่านั้นเอง แต่ถ้าสังเกตจริงๆ ก็จะเห็นว่าลักษณะแบบนี้ไม่ใช่ตัวตนของเขา เขาจะดู เวอร์ กว่าปกติไปมาก 

โรคอารมณ์สองขั้ว (Bipolar Disorder)

โรคอารมณ์สองขั้ว (Bipolar Disorder)

 การวินิจฉัย              ไม่มีการตรวจพิเศษเพื่อช่วยในการวินิจฉัยโรคนี้ ข้อมูลหลักในการวินิจฉัยคือ การซักประวัติอาการ ความเป็นไปของโรค ความเจ็บป่วยทางจิตในญาติ  การใช้ยาและสารต่างๆ  หรือโรคประจำตัว เพราะยาบางขนานหรือโรคทางร่างกายบางโรคอาจมีอาการทางจิตเหมือนกับโรคอารมณ์สองขั้วได้  แพทย์จะนำข้อมูลได้จากผู้ที่เป็นและญาติ ร่วมไปกับการตรวจร่างกายและตรวจสภาพจิตมาประมวลกันเพื่อการวินิจฉัย โรคนี้เป็นกันบ่อยไหม           พบว่าคนเรามีโอกาสป่วยเป็นโรคนี้ประมาณร้อยละ 1   หญิงและชายพบได้พอๆ กัน   มักพบมีอาการครั้งแรกระหว่างอายุ 15-24 ปี แล้วโรคอารมณ์สองขั้วเกิดจากอะไรล่ะ 

       โรคอารมณ์สองขั้วไม่ได้เป็นจากเขามีจิตใจอ่อนแอหรือคิดมากอย่างที่คนอื่นมักมองกัน  แต่เป็นจากความผิดปกติทางสมอง  พบว่าผู้ที่เป็นโรคนี้มีการทำงานของสมองและสารเคมีในสมองซึ่งทำหน้าที่สื่อสารระหว่างเซลล์ประสาทแปรปรวนไป

 ผู้ที่เป็นโรคอารมณ์สองขั้วมักมีประวัติญาติป่วยเป็นโรคทางอารมณ์   ลูกของเขามีโอกาสเกิดโรคนี้มากกว่าคนทั่วไปประมาณ 8 เท่า   สิ่งที่ถ่ายทอดเป็นความเสี่ยงต่อการเกิดโรค เมื่อผู้ที่มีแนวโน้มจะเป็นเหล่านี้พบเหตุกดดันทางจิตใจ เช่น ตกงาน ญาติเสียชีวิต  หรือมีการเสพยาใช้สารต่างๆ  ก็จะไปกระตุ้นให้แนวโน้มการเกิดโรคที่แฝงเร้นอยู่นี้สำแดงอาการออกมา

ส่วนการรักษาก็คงต้องมอบทางให้แพทย์เปนผู้ดูแลแล้วกันนะครับ

 ว่าแต่เพื่อนๆล่ะครับมีอาการแบบนี้หรือมีคนรู้จักที่เป็นแบบนี้บ้างหรือเปล่า??

ขอบคุณข้อมูลจาก รศ.นพ.มาโนช หล่อตระกูล   ภาพประกอบจาก dek-d.com

 

2 สามี ภรรยา หายตัวไปกว่า 3 ปี กับความจริงที่กำลังจะเปิดเผย

ถือเป็นมหากาพย์ คดีพิศวง งงกันไปเป็นแถบๆ กับผู้ต้องสงสัยคดีการหายตัวไปของ 2 สามีภรรยา ชาวเพชรบุรี นั่นคือ พ.ต.อ.นพ.สุพัฒน์ เลาหะวัฒนะ นพ.สบ 5 ท่านเป็นนายแพทย์ กลุ่มงานเวชศาสตร์ครอบครัว รพ.ตำรวจ

 

แต่คนร้ายย่อมต้องทิ้งหลักฐานเอาไว้เสมอ! นับเป็นวลีสุดอมตะของตำรวจในแวดวงนักสืบ(โคนันด้วยรึเปล่าหว่า) ที่มักจะใช้เป็นแนวทางในสืบสวนคลี่คลายคดีไม่ว่าจะเป็นคดีเล็กหรือคดีใหญ่ โดยเฉพาะคดีที่บรรดาผู้กระทำผิดเป็นมือสมัครเล่นหรือบ่ได้เป็นอาชญากรโดยสายเลือด จึงมักจะมีหลักฐานสำคัญ ๆ หลงเหลือให้เห็นอยู่มากมาย

ดังจะเห็นได้จากคดีนี้ ซึ่งกำลังเป็นที่สนใจของคนในสังคม ไม่เว้นแม้แต่ผม ข่าวเข้าหูเมื่อไหร่ต้องเงี่ยงหูฟังตลอดโดยเฉพาะข่าว 3 มิติ

 

โดยคดีนี้เริ่มต้นตั้งแต่ปี พ.ศ. 2552 การหายตัวไปอย่างเป็นปริศนาของสองสามีภรรยา คือ นายสามารถ นุ่มจุ้ย อายุ 27 ปี และ น.ส.อรษา เกิดทรัพย์ อายุ 27 ปี เป็นชาว ต.ท่าไม้รวก อ.ท่ายาง จ.เพชรบุรี ทางครอบครัวแจ้งหายเอาไว้ที่ สภ.ท่าไม้รวก อ.ท่ายาง เรื่องราวเกิดขึ้นมานานกว่า 3 ปีแล้ว คดีไม่มีอะไรคืบหน้า มีแต่เพียงข่าวลือไปต่าง ๆ นานาให้ทั้งสองครอบครัวได้รับรู้เท่านั้น ซึ่งระหว่างนั้นพ่อของนายสามารถได้โทร.ไปสอบถาม นพ.สุพัฒน์ เกี่ยวกับการหายตัวไปของลูกชายและสะใภ้เพราะรู้จักกัน มีไร่สัปะรดติดกัน คุ้นเคยกันดี แต่นพ.สุพัฒน์ บอกว่าไม่รู้เรื่อง
พี่สาวของผู้ตายคือ น.ส.วิมล รู้จักมักคุ้นกับ นพ.สุพัฒน์ เพราะทำงานที่ รพ.ตำรวจด้วยกัน แต่ทำฝ่ายเวชสถิติ 
ปี 2552 นพ.สุพัฒน์  ได้ฆ่าหมกศพ 2 สามีภรรยาแล้วก็คนงานพม่า 2 คน (เป็นข้อกล่าวหาที่ยังไม่ได้พิสูจน์) แล้วนำศพไปฝังไว้ที่ไร่ข้าวโพดในเพชรบุรี แล้วนำรถกระบะของ 2 สามีภรรยาไปเก็บไว้ในบ้านของตนเองที่นนทบุรี ในรถนั้นก็เต็มไปด้วยหลักฐานต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นคราบเลือด หมวก บัตรประชาชน คงคิดว่าจะปลอดภัยจากผู้พบเห็นมากที่สุดเพราะเป็นที่ส่วนบุคคล
ปี 2555 นพ.สุพัฒน์ มีปัญหาฟ้องร้องกันเรื่องมรดกกับพี่ชายในสายเลือด แล้วคุณหมอก็ของให้ น.ส.วิมล(พี่สาวผู้ตาย)ไปเป็นพยานในศาลว่าคุณหมอเป็นคนเลี้ยงดูมารดาที่ป่วยเป็นอัลไซเมอร์ แต่พี่ชายคือนายสุเทพ ให้ข้อมูลว่าคุณหมอให้ยาคุณแม่หลายขนาน ทั้งที่ไม่ได้เป็นโรคอะไรเช่น ยาลดความดัน(ทั้งที่ไม่ได้เป็นความดัน) ยากล่อมประสาท ทำให้เลือดไปเลี้ยงสมองไม่ดี หลงๆลืมแล้วให้ตัวเองเป็นผู้เลี้ยงดู(คงหวังมรดกเลือด)
ระหว่างนั้นพี่ชายคุณหมอหรือคุณสุเทพทราบว่าคุณหมอจะเบิกพยานขึ้นให้การในคดีมรดก จึงทำให้คุณสุเทพและคุณวิมล(พี่สาวผู้ตาย)ได้คุยกันมากขึ้นในรายละเอียด ทำให้คุณสุเทพทราบเรื่องการหายตัวไปของ 2 สามีภรรยาพร้อมรถกระบะ
จากนั้นคุณสุเทพจึงให้ข้อมูลเกี่ยวกับรถกระบะที่จอดทิ้งไว้อยู่บ้านที่นนทบุรี ซึ่งบ้านหลังนี้มีชื่อของหมอสุพัฒน์และคุณสุเทพเป็นเจ้าของ 
เมื่อคุณสุเทพเห็นว่าน้องชายตนเองมีพิรุธ จึงได้สอบถามไปยังคนงานในไร่ของหมอสุพัฒน์ เพื่อขอรายละเอียดบางอย่าง 
นายกะลา คนงานต่างด้าวที่เสียแขนไป 1 ข้าง เห็นว่านายสุเทพกำลังมีปัญหากับหมอสุพัฒน์ จึงถือโอกาสเปิดโปงมหกาพย์แห่งความโหดร้ายออกมาสู่สายตาชาวโลกให้กับพี่ชายหมอสุพัฒน์ฟัง
ระหว่างนั้น พ่อ-แม่ของผู้ตายได้ทราบเรื่องจากลูกสาวคือ น.ส.วิมล จึงได้โทร.ไปหาหมอสุพัฒน์ แต่กลับได้รับคำข่มขู่ว่า ให้หยุดค้นหาเรื่องราวซะ ไม่งั้นจะโดนเก็บ เพราะหมอเป็นคนมีเงิน มีอิทธิพลเยอะเพราะคอยให้บริการ ดูแลสุขภาพนายตำรวจระดับบิ๊กหลายท่าน ทำให้ตำรวจในท้องที่ไม่กล้าเข้าไปยุ่งเกี่ยวมากนัก 
แต่พ่อแม่ของนายสามารถไม่ได้กลัวอิทธิพลของหมอที่เป็นทั้งหมอและตำรวจแต่อย่างใด ยังมีความมุ่งมั่นตั้งใจ ที่จะนำเรื่องไปฟ้องตำรวจอยู่ดี คงเข้าใจหัวอกคนเป็นพ่อ-แม่นะครับ 

ซีรี่ย์เรื่องนี้.. อยากให้ทุกๆคนสังเกตอย่างหนึ่งนะครับ

ว่าบุคคลในเรื่อง อาจจะพูดจริงหรืออาจจะพูดเท็จ เพื่อผลประโยชน์ของตัวเองอะไรก็แล้วแต่ ฯลฯ

แต่.. คนที่เป็น “พ่อ” และ “แม่” ลูกชายหายไป 3 ปี แถมยังขุดเจอศพโดนฆ่าหมกศพขนาดนั้น..

หัวอกพ่อแม่ ไม่มีทางพูดเท็จแน่นอน และยิ่งไม่มีทางสมคบคิดกับใครโดยใช้การตายของลูกมาทำให้เกิดผลเป็นเงินทองแน่นอน…

ดังนั้น.. ในทางจิตวิทยา.. คำพูดของพ่อแม่ผู้ตาย ไว้ใจได้มากที่สุด

ซึ่งพ่อของนายสามารถ ให้การว่า.. ตอนที่ทราบเรื่องจากน.ส.วิมล(เรื่องรถกระบะ) ได้โทรไปหาหมอสุพัฒน์ และโดนหมอสุพัฒน์ข่มขู่กลับมาว่าห้ามสืบสาวราวเรื่องต่อ ไม่งั้นจะโดนดีแน่

จุดนี้สำคัญมากๆ.. และทำให้เราเชื่อมั่นว่า.. หมอนั่นแหละ ฆาตรกร

อีกทั้ง จากคำให้การของพ่อผู้ตาย ที่บอกว่า หมอมีนิสัยชอบล่าสัตว์ ชอบยิงปืน และเป็นคนอารมณ์ร้อนเคยตบบ้องหูลูกชาย(ลูกหมอนะ)ต่อหน้าตนจนลูกหูฉีกมาแล้ว…เฮ้อ

ตอนนี้ มันมีพยานบุคคล พยานแวดล้อม เหลือแค่พวกผลตรวจ DNA และผลตรวจลายนิ้วมือ แค่นี้หมอก็หนีไม่รอดแล้ว!! 

แล้วอีกอย่าง.. ตอนนี้เมียหมอก็หนีไปแล้ว ตำรวจไปตรวจค้นที่ห้องพักก็ล๊อคไว้ คนแถวนั้นบอกไม่มีใครมาหลายวันแล้ว ถ้าหมอไม่ผิด เมียหมอจะหนีทำไม ?? ว่ามั๊ยครับ

ส่วนเรื่องเหตุจูงใจในการฆ่า เราเชื่อว่า เป็นเหตุผลเดียวกัน กับที่หมอฆ่าคนงานพม่า 2 ศพนั่นแหละ

คือ คนที่โมโหร้าย และอารมณ์ร้ายอ่ะนะ เวลาใครมาพูดอะไรไม่เข้าหู หรือพูดอะไรขัดใจ ก็จะโกรธมากๆ อาจจะเป็นความผิดปกติทางจิตที่เรียกว่า โรคไบโพลาร์ หรืออาการ คนสองบุคลิก

คดีนี้คงยังไม่ปิดง่าย ๆ อย่างแน่นอน หลังจากได้พบรถปิกอัพของผู้สูญหาย รวมไปถึงซากศพอีก 3 ศพแล้ว ส่วน พ.ต.อ.นพ.สุพัฒน์ ตอนแรกนัดจะมอบตัวที่ บช.ภ.7 ในวันที่ 22 ก.ย. แต่สุดท้ายถูกตำรวจแกะรอยจากมือถือตามไปรวบได้ที่รีสอร์ท บริเวณหาดปึกเตียน จ.เพชรบุรี จึงควบคุมตัวมาสอบที่ บช.ภ.7 จ.นครปฐม ท่ามกลางสื่อมวลชนเกาะติดตามทำข่าว เบื้องต้นยังคงให้การปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา ยืนยันไม่รู้เรื่องใด ๆ ทั้งสิ้น โดยขอไปให้การบนชั้นศาล แล้วศาลก็ไม่ให้ประกันตัว ส่งไปฝากขังต่อเรือนจำเพชรบุรีแล้ว

เรียกว่าเป็นคดีใหญ่ค่อนข้างสลับซับซ้อนซ่อนเงื่อนไม่ธรรมดาในรอบปี ดังนั้นยังคงต้องเฝ้าติดตามความคืบหน้าแบบไม่
กะพริบตาว่าเรื่องนี้จะลงเอยเช่นไร?? เรื่องราวเหล่านี้เอาไปทำหนังคงหลอนน่าดู  บทความต่อไปคงต้องตามติดถึงผล DNA นะครับ

รวมคลิปข่าวครับ





 

แต่ประเด็นสุดท้ายที่อยากจะรู้คือ 2 สามีภรรยาตายอย่างไร ทำไมถึงตาย ใครคือฆาตรกรตัวจริงกันแน่.
ขอขอบคุณข้อมูลจาก พันทิพดอทคอม.
 

เพลง สิ่งแวดล้อมแฟนคลับ ซิงเกิ้ลที่ 2 ร้องไป ขำตัวเองไป 555+

หลังจากปล่อยเพลงแรกออกไปกับเพลง อย่าเย็บได้ไหม ซึ่งเป็นการเก็บเอาบริบทการทำงานใน รพ.สต.นาคู ที่ดูเหมือนจะเจอเหตุการณ์เช่นนี้บ่อยๆ เลยหยิบยกนำมาเล่าสู่กันฟังผ่านบทเพลง สอดแทรกความน่ารัก ความเป็นตัวตนของผู้มารับบริการ พร้อมทั้งการให้กำลังใจและให้บริการด้วยหัวใจความเป็นมนุษย์(เอาเข้าไป)

ตามต่อด้วยซิงเกิลที่ 2 กับเพลงสิ่งแวดล้อมแฟนคลับที่ท่าน ดร.ศิริชัย งานอนามัยสิ่งแวดล้อม กลุ่มงานสร้างเสริมสุขภาพ สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดกาฬสินธุ์ ขอเข้ามาว่าแต่งให้กลุ่มซักเพลงได้ไหม ทาง รพ.สต.นาคู ก็เลยนั่งเขียนเพลงอยู่ 30 นาที ร้องอีก 8 รอบกว่าจะได้คลิปนี้ออกมา ดีไม่ดียังไง จะโดนลิขสิทธิ์แบนไหม ก็ช่วยคอมเม้นด้วยนะครับ

 

รวมกล้องดิจิตอลใหม่ในงาน Photokina 2012 ครบทุกยี่ห้อที่คุณอยากรู้

Photokina 2012 งานกล้องสุดยิ่งใหญ่ของโลกเริ่มขึ้นแล้ว โดยงานนี้ถือเป็นงานแสดงสินค้าประเภทกล้องและอุปกรณ์ด้านการถ่ายภาพที่ยิ่งใหญ่ที่สุดงานหนึ่งของโลก สำหรับปีนี้มีกล้องและอุปกรณ์ถ่ายภาพเปิดตัวกันมากมาย น้าป๋วย TechXcite จึงนำมารวบรวมไว้ในที่เดียวให้อ่านกันยาวๆว่าปีนี้สรุปว่ามีอะไรใหม่และน่าสนใจบ้าง


 

เริ่มจาก Canon กันก่อนเลย ปีนี้ Canon เปิดตัวกล้องและเลนส์ใหม่หลายรุ่นมาตั้งแต่ช่วงต้นปี โดยกล้องใหม่ปีนี้มีทั้งCanon EOS 5D MarkIII กล้องฟูลเฟรมรุ่นต่อจาก 5D Mark II ที่พัฒนาความสามารถในเรื่องของระบบโฟกัส เซ็นเซอร์และลูกเล่นอื่นๆเพิ่มเข้ามา Canon EOS 650D กล้อง DSLR ตัวแรกของโลกที่มีระบบ Touchscreen ตามมาด้วย Canon EOS M กล้อง Mirrorless รุ่นแรกจาก Canon และล่าสุดกับการเปิดตัว Canon EOS 6D กล้องฟูลเฟรมที่ถือเป็น DSLR ระดับกลาง และ Canon G15 กล้องคอมแพกต์ Hi-End ตัวล่าสุดที่มาพร้อมกับ Wi-Fi นอกจากนี้ยังมี Canon PowerShot S110 และ Canon PowerShot SX50 HS ที่เพิ่งเปิดตัวก่อนเริ่มงานไม่กี่วัน ในขณะที่ไฮไลท์ของงานยังคงเป็น Canon EOS 1DX กล้องรุ่นเรือธงจากค่าย Canon นั่นเอง ส่วนเลนส์รุ่นใหม่ที่น่าสนใจก็มี EF 40mm F2.8 STM หรือเลนส์รุ่นใหม่อย่าง EF 24-70mm f2.8L II USM

Casio มีการเปิดตัวกล้องสองรุ่นใหม่รับงาน Photokina กับ Casio EX-ZR1000 และ Casio EX-H50

ในงาน Photokina นั้น Fujifilm มีไฮไลท์กล้องรุ่นใหม่อย่าง Fujifilm XE-1 ซึ่งเป้นกล้อง Mirrorless ตัวใหม่ล่าสุด และ Fujifilm XF1 กล้องคอมแพกต์สไตล์ Retro นอกจากนี้ยังมีเลนส์ใหม่อย่าง Fujifilm XF 18-55mm F2.8-4 R LM OIS และ Fujifilm XF 14mm F2.8 R มาแสดงในงานด้วย

มาดู Hasselblad บ้าง ที่ปีนี้เซอร์ไพรส์ด้วยการออกกล้อง Mirrorless ที่ใช้เลนส์เมาท์ E ของ Sony NEX ได้ กับ Hasselblad Lanar ที่มาพร้อมความหรูหราและราคาเปิดตัวกว่าสองแสนบาท

ฝั่ง Leica เอง ปีนี้จัดเต็มกับกล้องรุ่นใหม่อย่าง Leica M , Leica M-E และ The new Leica S ซึ่งทั้งหมดใช้เซ็นเซอร์ฟูลเฟรม ราคาก็หกหลักขึ้นไป แถมด้วยการเปิดตัวกล้อง Limited Editon อย่าง Leica X2 Edition Paul Smith ที่ได้ดีไซน์เนอร์ชื่อดังมาช่วยแต่งเติมสีสันให้กล้อง Leica X2 ตามมาด้วยกล้องคอมแพกต์รุ่นใหม่ Leica V-Lux 4 และ Leica D-Lux 6 นอกเหนือจากนี้ก็มีเลนส์รุ่นใหม่ๆอย่าง Leica TS-APO-ELMAR-S 120 mm f/5.6 ASPH , Leica Vario-Elmar-S 30-90 mm f/3.5-5.6 ASPH , Leica Super-Elmar-S 24mm f/3.5 ASPH , Leica ELPRO-S 180

มาดู Nikon กันบ้าง ปีนี้ฮิอฮากันมาตั้งแต่ต้นปีกับ Nikon D4 กล้องรุ่นเรือธงของ Nikon รวมถึงการมาของ Nikon D800 และ Nikon D800E ที่ใช้เซ็นเซอร์ 36 ล้านพิกเซล ตามมาด้วยน้องเล็กอย่าง Nikon D3200 เท่านั้นยังไม่พอ Nikon รุกตลาดด้วยการเปิดตัว Nikon1 J2 ออกมาเสริมทัพกล้อง Mirrorless แถมล่าสุดมีเลนส์อย่าง Nikon 1 Nikkor 18.5mm f/1.8 ปล่อยออกมาก่อนงานอีกด้วย ก่อนจะทำเซอร์ไพรส์ด้วยการเปิดตัว Nikon S800C กล้องคอมแพกต์ที่มาพร้อมระบบปฏิบัติการ Android

และล่าสุดกับการชิงเปิดตัวต้อนรับงาน Photokina ด้วย Nikon D600 สร้างกระแสความฮือฮาได้มากทีเดียวกับกล้องฟูลเฟรมตัวใหม่นี้ แถมด้วยกล้องคอมแพกต์ระดับ Hi-End อย่าง Nikon P7700

ตามมาดู Olympus กันบ้าง ปีนี้กล้องรุ่นใหม่ที่เปิดตัวไปตั้งแต่ต้นปีอย่าง Olympus OM-D สร้างกระแสตอบรับได้ดีเหลือเกิน จนในงาน Photokina มีการเปิดตัวกล้อง Mirrorless อีก 2 รุ่นที่ใช้เซ็นเซอร์เดียวกับ Olympus OM-D ออกมาอย่าง Olympus PEN E-PL5 และ Olympus PEN E-PM2 ซึ่งทั้งสองรุ่นนี้แตกต่างกันในเรื่องสเป็คเพียงเล็กน้อยเช่น หน้าจอที่บิดพับได้กับพับไม่ได้ แถมเปิดตัวกล้องคอมแพกต์ Hi-End ออกมาด้วยกับ Olympus XZ-2 iHS นอกเหนือจากนี้ยังได้ทยอยเปิดตัวเลนส์รุ่นใหม่ทั้ง M.Zuiko Digital ED 60mm f/2.8 Macro , M.Zuiko Digital ED 17mm f/1.8 MSC , M.Zuiko Digital ED 12mm f/2 Special Edition และเลนส์ที่ใช้แทนฝาปิดกล้องได้เลยอย่าง Olympus 15mm f/8

ค่าย Panasonic เอง ปีนี้มีกล้อง Mirroeless รุ่นใหม่ที่มาเปิดตัวในงาน Photokina เพียงรุ่นเดียว นั่นคือ Panasonic GH3 ซึ่งเป็นกล้องถ่ายภาพที่มีดีตรงโหมดถ่ายวีดีโอแบบเทพ โดยก่อนหน้านี้เมื่อกลางปี Panasonic เปิดตัว Panasonic GF5 ไปแล้ว ทำให้ในงาน Photokina ยังไม่มีอะไรหวือหวามากนัก

Pentax ในงาน Photokina ปีนี้ มาพร้อมกับกล้องรุ่นใหม่ที่เป็น DSLR รุ่นเรือธงอย่าง Pentax K-5II และ Pentax K-5II S ซึ่งถือเป็นกล้องรุ่นท็อปของค่ายที่ยังคงใช้เซ็นเซอร์ขนาด APS-C อยู่ ในขณะที่กล้อง Mirrorless ของ Pentax อย่าง Pentax Q10 ก็เปิดตัวออกมาใกล้ๆกันก่อนหน้านี้ ส่วนกล้องคอมแพกต์ก็มี Pentax X5 เปิดตัวมาใหม่ ส่วนกล้องรุ่นอื่นๆที่เปิดตัวในปีนี้มาได้สักระยะแล้วก็มี Pentax K-30 และ Pentax K-01 ส่วนเลนส์ใหม่ๆจาก Pentax ที่เพิ่งออกใหม่นั้นก็มี Pentax HD DFA645 Macro 90mm F2.8 ED AW SR สำหรับกล้อง Medium Format อย่าง Pentax 645D รวมถึง Pentax HD DA 560mm F5.6 ED AW , Pentax smc DA 18-270mm F3.5-6.3 ED SDM สำหรับกล้อง DSLR และ Pentax 06 Telephoto 15-45mm สำหรับ Pentax Q

ทางฝั่ง Samsung เอง ไม่มีกล้องรุ่นไหนจะเด่นเกิน Samsung Galaxy Camera ที่ถูกจับตามองว่าเป็นนวัตกรรมใหม่ที่รวมเอากล้องดิจิตอลและระบบปฏิบัติการ Android เอาไว้ด้วยกัน ทั้งยังสามารถรองรับเครือข่าย 3G/4G ได้อีกด้วย ส่วนกล้องรุ่นอื่นๆก่อนหน้านี้ก็มี Samsung NX20 ,NX210 และ NX1000 ที่เปิดตัวไปแล้วประมาณเมษายนที่ผ่านมา

กล้องดิจิตอล Sony กับงาน Photokina มีการเปิดตัวหลายรุ่น และเป็นรุ่นที่น่าจับตามองอย่างมาก เริ่มจาก Sony A99 กล้องเรือธงเซ็นเซอร์ฟูลเฟรมตัวใหม่ล่าสุด หลังจากที่หยุดสายการผลิตกล้องระดับบนของตัวเองไปนาน พร้อมกับการเปิดตัวกล้อง Mirrorless อย่าง Sony NEX-5R และ NEX-6 ตามมา และสร้างกระแสความตื่นเต้นในวงการถ่ายภาพด้วยกล้องคอมแพกตืเซ็นเซอร์ฟูลเฟรมตัวแรกของโลกกับ Sony Cyber-shot DSC-RX1 เรียกได้ว่า Sony หันมาจับตลาดกลุ่มมืออาชีพมากขึ้นทีเดียวในปี

ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com

อย่าเย็บได้ไหม….คำขอร้องของน้องชายวัย 5 ขวบ

เย็บแผล

เย็บแผล

“อย่าเย็บได้ไหม”  เพลงนี้ได้รับแรงบรรดาลใจจากน้องผู้ชายคนนึง มาด้วยแผลที่เท้าจากการโดนไม้บาด เกิดจากการเล่นกองดินที่ข้างบ้าน ตอนมาแรกๆน้องร้องไห้เสียงดังมาก บอกไม่อยากเย็บ จนต้องให้พ่อมาคอยปลอบ มันอมยิ้มตรงที่ว่าหลังจากฉีดยาชาแล้ว พอยาออกฤทธิ์ก็หายร้องให้ทันที เย็บแผลได้ตามสบาย นี่แหละครับ ความบริสุทธิ์ของเด็ก ขอมอบเพลงนี้เป็นกำลังใจให้น้องครับผม

หญ้าดอกขาว ลดความอ้วน สมุนไพรตัวเก่าแต่สรรพคุณใหม่โคตรๆ

หญ้าดอกขาว ลดความอ้วน สมุนไพรตัวเก่าแต่สรรพคุณใหม่โคตรๆ

หญ้าดอกขาว ลดความอ้วน สมุนไพรตัวเก่าแต่สรรพคุณใหม่โคตรๆ

 

หญ้าดอกขาว ลดความอ้วน สมุนไพรตัวเก่าแต่สรรพคุณใหม่โคตรๆ

หลังจากรู้สรรพคุณที่ช่วยเลิกบุหรี่ไปแล้วจาก มาถึงข่าวดีของสาวๆ ที่ต้องการมีหุ่นเพรียวรวมทั้งผู้ประสงค์ลด ความอ้วน พบตำรายาไทย ‘ชาลดอยากอาหาร’ ประกอบด้วยหญ้าดอกขาวกับหอมแขก ช่วยแก้ไขโรคอ้วนลงพุง ปัญหาใหญ่และสำคัญของประเทศไทย เผยได้สูตรลับมาจากหมอยาแห่งปราจีนบุรี มีส่วนประกอบคือหญ้าดอกขาว ที่สหรัฐจดสิทธิบัตรใช้เป็นยาลดความอยากอาหาร กับหอมแขก ซึ่งญี่ปุ่นนำไปจดสิทธิบัตรเป็นตัวกรองบุหรี่ 

หญ้าดอกขาว เลิกบุหรี่

หญ้าดอกขาว เลิกบุหรี่

ดร.สุภาภรณ์ ปิติพร หัวหน้ากลุ่มงานเภสัช กรรม โรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศร จ.ปราจีนบุรี กล่าวว่า ในงานมหกรรมสมุนไพรแห่งชาติ ครั้งที่ 9 นวดไทย มรดกไทย สู่มรดกโลก ทางโรงพยาบาลได้นำสูตร “ชาไม่อยากข้าว” มาเผยแพร่ให้กับประชาชนรู้จัก เนื่องจากโรคอ้วนนับเป็นปัญหาทางสาธารณสุขที่สำคัญ และเป็นสาเหตุที่ก่อให้เกิดโรคเรื้อรังหลายชนิดตามมา อาทิ ความดันโลหิตสูง ไขมันในเลือดสูง เบาหวาน เป็นต้น สาเหตุสำคัญของโรคอ้วนก็คือ การบริโภคอาหารมากเกินไปร่วมกับการขาดการออกกำลังกายนั่นเองครับ

หญ้าดอกขาว เลิกบุหรี่

หญ้าดอกขาว เลิกบุหรี่

สูตรชาไม่อยากข้าว ดร.สุภาภรณ์กล่าวว่า ทางโรงพยาบาลได้รับความรู้มาจากหมอส่วน สีมะพริก หมอยาจังหวัดปราจีนบุรี ซึ่งในตำรับชาประกอบด้วยสมุนไพร 2 ชนิด คือ หญ้าดอกขาว หรือหญ้าหมอน้อย และหอมแขก จากการสืบค้นข้อมูลพบว่าในประเทศสหรัฐอเมริกามีการจดสิทธิบัตรสารสกัดจากหญ้าดอกขาวในการใช้เพื่อลดความอยากอาหาร โดยทำในรูปของยาพ่นเข้าทางจมูก ทางโรงพยาบาลก็จะเผยแพร่ทั้งในรูปชาชงและยาอบ เพราะในภูมิปัญญาดั้งเดิมมีการใช้ในรูปชาชง ส่วนการใช้ยาอบนั้นเป็นการสูดเอาไอเข้าทางจมูก ซึ่งให้ผลเหมือนกับยาพ่น

หญ้าดอกขาว เลิกบุหรี่

หญ้าดอกขาว เลิกบุหรี่

ในส่วนของสมุนไพรอีกชนิดหนึ่งที่เป็นส่วนประกอบคือ หอมแขก มีชื่อภาษาอังกฤษว่าCurry leaf ที่ปัจจุบันมีงานวิจัยในต่างประเทศมากมายถึงประสิทธิภาพในการควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด(คนเบาหวานฟังแล้วหูผึ่งเลย)และช่วยย่อยอาหาร จากประสบการณ์การทำงานร่วมกับหมอยาพื้นบ้านในส่วนต่างๆ ของประเทศไทย มีการใช้หญ้าดอกขาวอดเหล้า อดบุหรี่ จนกระทั่งบริษัทในญี่ปุ่นจดสิทธิบัตรในการเป็นตัวกรองบุหรี่เพื่อลดการติดบุหรี่ทั้งๆ ที่เป็นภูมิปัญญาของคนไทย

หญ้าดอกขาว เลิกบุหรี่

หญ้าดอกขาว เลิกบุหรี่

ดร.สุภาภรณ์กล่าวว่า นอกจากช่วยอดเหล้า อดบุหรี่แล้ว ยังมีการใช้สมุนไพรดังกล่าวลดการอักเสบในโรคหลอดลม ปวดเมื่อยเบาหวาน จากประสบการณ์การใช้หญ้าดอกขาวอย่างยาวนาน หมอพื้นบ้านทุกคนต่างพูดตรงกันว่า กินยาหญ้าดอกขาวแล้วจะไม่อยากข้าว จึงไม่แปลกใจเลยว่ามีการนำความรู้นี้ไปจดสิทธิบัตร แต่รู้สึกสงสารประเทศไทยมากกว่า ทั้งๆ ที่ในอดีตเรามียาดีๆ อยู่เยอะ แต่ความรู้ด้านการใช้สมุนไพรไม่แพร่หลายมากนักในหมู่คนไทย แต่กลับตกไปอยู่ในมือต่างชาติ มันน่าเสียดายนะครับ ดั่งสุภาษิตอีสานที่ว่า “แก่งค้อนกายกกหมากม่วง” ไม่เห็นความสำคัญของสิ่งที่อยู่ใกล้ตัว เห็นฝรั่ง ญี่ปุ่น เอายาไทยเราไปจดสิทธิบัตรแล้วหลายตัว โดยที่คนไทยไม่รู้อิโหน่ อิเหน่ เห็นแล้วมันเจ็บจี๊ด.

 

หญ้าดอกขาว สมุนไพรไทย ช่วยเลิกบุหรี่ ที่หลายคนมองข้าม

         หญ้าดอกขาว สมุนไพรไทย ช่วยเลิกบุหรี่ ที่หลายคนมองข้าม

  หลังจากได้ไปเยี่มมชมงานมหกรรมสมุนไพรแห่งชาติครั้งที่ 9 ณ อิมแพค เมืองทองธานีเมื่อต้นเดือนกันยายนที่ผ่านมา ปรากฎว่าผมได้ไปสะดุดตรงบูธของ รพ.เจ้าพระยาอภัยภูเบศร ที่น้องๆกำลังนำเสนอ ชาสมุนไพรช่วยเลิกบุหรี่ ผมก็เลยขอชิมและเก็บรายละเอียดมาเล่าสู่กันฟัง รสชาติดีครับ ขมนิดๆแต่หอม ซึ่งสมุนไพรตัวที่ว่านี้ก็คือ “หญ้าดอกขาว” เอ้า เจ้าต้นนี้มันเกิดอยู่หลังอนามัยผมนี่หว่า ตามท้องไร่ท้องนาก็มีตรึม โดยเฉพาะหน้าฝนนี้กำลังออกดอกเลยแหละ นี่ถ้าไม่มางานนี้ก็คงไม่รู้นะเนี่ยว่าสรรพคุณเจ้าหญ้าดอกขาวนี้ดีเหลือร้าย เพราะนอกจากจะช่วยเลิกและลดการสูบบุหรี่แล้ว ยังสามารถช่วยลดน้ำหนักได้อีกต่างหาก เพราะตัวยาในหญ้าดอกขาวมีผลทำให้ทานอาหารไม่อร่อย ทำให้ลิ้นเรารับรสได้ไม่เต็มที่แต่ต้องควบคู่ไปกับการออกกำลังกายนะครับ มาดูสรรพคุณแรกกันดีกว่า นั่นคือภาระกิจเลิกบุหรี่ที่สุดยากเย็นแสนเข็ญ(รึเปล่าไม่รู้…ไม่ได้สูบบุหรี่ครับ)

หญ้าดอกขาว เลิกบุหรี่

หญ้าดอกขาว เลิกบุหรี่

บุหรี่เป็นสาเหตุสำคัญของการเป็นโรคร้าย อาทิ โรคหัวใจ โรคหลอดเลือดหัวใจ ความดันโลหิตสูง มะเร็ง ทำให้ประเทศชาติต้องสูญเสียงบประมาณจำนวนมากในการรักษาผู้ป่วยจากโรค ปัจจุบันมีผู้เสียชีวิตจากบุหรี่ปีละ 400,000 คนทั่วโลก และ 70 เปอร์เซ็นต์ของผู้เสียชีวิตอยู่ในประเทศกำลังพัฒนา การหยุดยั้งการสูบบุหรี่ของประชาชนของแต่ละประเทศนอกจากการให้ความรู้และป้องกันกลุ่มนักสูบหน้าใหม่ที่เป็นเยาวชนแล้ว คือการเยียวยาทางการแพทย์และบำบัดด้านจิตใจควบคู่กันไป เพราะผู้เลิกบุหรี่แล้วหากมีจิตใจไม่เข้มแข็งสามารถกลับไปสูบบุหรี่ได้อีก

ความพยายามใช้สมุนไพรในการเลิกบุหรี่ในบ้านเรามีมาอย่างยาวนานและเป็นที่น่าดีใจ เมื่อเร็ว ๆ นี้ หน่วยงานที่ทำงานด้านบุหรี่ได้พัฒนายาสมุนไพร “หญ้าดอกขาว” จนขณะนี้สมุนไพรหญ้าดอกขาว ได้รับการบรรจุเข้าสู่บัญชียาหลักแห่งชาติแล้ว ในบัญชียาหลักแห่งชาติ พ.ศ. 2554 มีทั้งหมด 21 รายการ โดยยาหญ้าดอกขาวถูกบรรจุลงในบัญชียาหลักแห่งชาติตัวล่าสุด  ระบุข้อบ่งชี้ว่าสมุนไพรหญ้าดอกขาว เป็นยาลดความอยากบุหรี่โดยหญ้าดอกขาวเข้าหลักเกณฑ์ “เภสัชตำรับโรงพยาบาลจากสมุนไพร” โดย สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) ประกาศรับรองให้ผู้มีสิทธิสามารถได้รับยานี้ได้ภายใต้หลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ส่วนกรมบัญชีกลางและ สำนักงานประกันสังคม ประกาศให้เบิกค่ายานี้ได้ตั้งแต่วันที่ 25 พ.ค. 2554  โดยมีประกาศของกรมบัญชีกลางระบุว่าต้องให้แพทย์แผนไทยหรือแผนปัจจุบันเป็นผู้สั่งจ่ายยา ทั้งนี้ยาจากสมุนไพรหญ้าดอกขาวที่ผลิตโดยเอกชน ยังไม่รวมอยู่ในบัญชีนี้เนื่องจากต้องได้รับการขึ้นทะเบียนและมีงานวิจัยทดลองในคลินิกรองรับสำหรับการขึ้นทะเบียนยา

ทั้งนี้จากชุดงานวิจัย พ.ศ.2552-2554 ที่สนับสนุนโดยศูนย์วิจัยและจัดการความรู้เพื่อการควบคุมยาสูบ (ศจย.) ค้นพบว่าสารสกัดหญ้าดอกขาวมีสาระสำคัญที่มีฤทธิ์ต่อต้านอนุมูลอิสระและมีนิโคติน ซึ่งเพิ่มเติมจากที่เคยมีนักวิจัยระบุว่าไนเตรทและไนไตรท์ในสมุนไพรชาชงหญ้าดอกขาวช่วยทำให้ความอยากบุหรี่ลดลง

หญ้าดอกขาว หรือ หญ้าหมอน้อย  มีชื่ออื่นตามภูมิภาคในประเทศไทย ได้แก่ เสือสามขา หญ้าหมอน้อย หญ้าสามวัน (เชียงใหม่) ต้นก้านธูป (จันทบุรี)  หรือ หญ้าละออง (ตราด) บางครั้งเรียกว่า ต้นม่านพระอินทร์ มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า “Vernonia cinerea (L) Less เป็นพืชล้มลุก ขนาดเล็กสูง 1-5 ฟุต ลำต้นเป็นเหลี่ยมมีขนนุ่ม ใบมีหลายรูป รูปไข่รี ปลายและโคนแหลม  ผิวค่อนข้างเรียบ มีขนนุ่ม ดอกเล็กกลมเป็นพู่เป็นช่ออยู่ปลายยอดมีสีม่วงหรือชมพู ผลแห้งเล็กปลายเป็นขนแห้งสีขาวเป็นพู่แตกบาน พบได้ทั่วไป คือสนามหญ้า ที่รกร้าง และทุ่งนาชายป่า เจริญได้ตลอดทั้งปี

หญ้าดอกขาว เลิกบุหรี่

หญ้าดอกขาว เลิกบุหรี่

ประโยชน์ตามตำราสมุนไพร คือยาแก้ไข้ ยาแก้ปวด ท้องเฟ้อ ท้องขึ้น แผลบวมอักเสบความดันโลหิตสูง หรือใช้ตำให้ละเอียดมาพอกแก้นมคัด ดูดหนองแก้บวม แก้ตาฟาง เมล็ดนำมาป่นให้ละเอียด ใช้ชงกับน้ำร้อนกินเป็นยาขับพยาธิเส้นด้าย ปัสสาวะขัด และไอเรื้อรัง เป็นต้น

ทพญ.ศิริวรรณ พิทยรังสฤษฎ์ ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยและจัดการความรู้เพื่อการควบคุมยาสูบ (ศจย.) กล่าวว่า ศจย.ได้จัดทำชุดโครงการศึกษาวิจัยต่อยอด องค์ความรู้สมุนไพรหญ้าดอกขาวช่วยเลิกบุหรี่ พ.ศ. 2552-2554 การพัฒนาชุดโครงการได้รับความร่วมมือจากนักวิจัย นักวิชาการและอาจารย์จากหลายองค์กรร่วมกันศึกษาวิจัย พร้อมด้วย นพ.ศิรวัฒน์ ทิพย์ธราดล และ ภญ.ปราณี ชวลิตธำรง เป็นที่ปรึกษาเพื่อพัฒนาใช้หญ้าดอกขาวเพื่อช่วยในการเลิกบุหรี่ ซึ่งมีโครงการวิจัย จำนวน 8 โครงการ ใช้งบประมาณ 2,392,470 บาท อาทิ การศึกษาประสิทธิผลของสมุนไพรหญ้าดอกขาวชนิดแคปซูลในการเลิกบุหรี่ โดยผู้วิจัย พญ.วันดี ไตรภพสกุล  ประสิทธิภาพของผลิตภัณฑ์ลูกอมหญ้าหมอน้อยเพื่อช่วยเลิกบุหรี่ในกลุ่มผู้สูบบุหรี่ และโครงการการสกัดลักษณะทั่วไปและสมบัติการต้านนิโคตินของสารประกอบชีวภาพออกฤทธิ์หญ้าดอกขาว โดยผู้วิจัย ดร.ทรายวรรณ บัวทอง

ด้าน ผศ.ดลรวี ลีลารุ่งระยับ  อาจารย์ภาควิชากายภาพบำบัด คณะเทคนิคการแพทย์ ม.เชียงใหม่ กล่าวว่า จากงานวิจัยในอดีตสู่ปัจจุบัน หญ้าดอกขาวได้พัฒนาในแบบชงชา แบบเคี่ยวและแบบลูกอมเม็ด โดยคัดสรรหญ้าดอกขาวที่สดสะอาดและเขียว ดอกเป็นสีชมพูนำมาล้างให้สะอาดและหั่นเป็นชิ้นเล็ก ๆ ตากแห้ง หรืออบในตู้อบจนแห้งสนิทนำมาเก็บไว้ในขวดบรรจุปิดสนิท กันน้ำและอากาศเข้าไปเพราะอาจทำให้เกิดเชื้อราได้

หญ้าดอกขาว เลิกบุหรี่

หญ้าดอกขาว เลิกบุหรี่

สูตรสำหรับการใช้สมัยโบราณคือ รูปแบบเคี่ยว โดยนำสมุนไพรหญ้าดอกขาวแห้งประมาณ 20 กรัมผสมน้ำ 3 แก้ว แล้วเคี่ยวจนเหลือเพียง 1 แก้ว วิธีการเลิกบุหรี่ คือให้อมในปากประมาณ 1-2 นาที แล้วจึงกลืน จากนั้นค่อยสูบบุหรี่ น้ำเคี่ยวสมุนไพรจะทำให้รสชาติของบุหรี่เปลี่ยนไปเรื่อย ๆจนทำให้ไม่อยากบุหรี่ในที่สุด

นอกจากนี้ยังมีรูปแบบที่ได้มีการพัฒนาสมุนไพรที่นิยมอย่างแพร่หลาย คือรูปแบบชาชง ซึ่งกระบวนการผลิตจะต่อยอดจากหญ้าดอกขาวที่แห้งแล้ว คือนำหญ้าดอกขาวที่แห้งสนิทแล้วไปทำการบดละเอียดให้เป็นผง จากนั้นนำมาบรรจุในถุงชาขนาดเล็ก วิธีรับประทานจุ่มถุงชาในน้ำร้อนแล้วทิ้งไว้สักครู่ วิธีการใช้เลิกบุหรี่ คือให้อมในปาก ประมาณ 1-2 นาทีเช่นกันแล้วจึงดื่ม จากนั้นค่อยสูบบุหรี่ รูปแบบนี้รสชาติของน้ำจะเจือจางกว่าแบบเคี่ยว ช่วยทำให้รสชาติของบุหรี่ค่อย ๆเปลี่ยนไปและไม่อยากบุหรี่เช่นกัน แต่ต้องใช้เวลานานกว่าในการหยุดบุหรี่ได้

ล่าสุดรูปแบบที่ได้รับการพัฒนาจาก รศ.ปราโมทย์ ทิพย์ดวงตา คณะเภสัชศาสตร์ ม.เชียงใหม่และทีมงาน ได้ พัฒนาลูกอมหญ้าดอกขาวในแบบอัดเม็ด โดยเคี่ยวแล้วทำให้เป็นผงแห้งก่อนการอัดเม็ด  ช่วยทำให้พกง่ายและสะดวก ก่อนการสูบบุหรี่ทุกครั้งให้อมลูกอมไว้ในปากจนละลายหมด แล้วสูบบุหรี่ ลูกอมสมุนไพรหญ้าดอกขาวจะทำให้รสชาติบุหรี่เปลี่ยนไปได้ ประสิทธิภาพของลูกอมจะได้ผลเร็วกว่ารูปแบบน้ำเคี่ยวและแบบชงชามาก

หญ้าดอกขาว เลิกบุหรี่

หญ้าดอกขาว เลิกบุหรี่

สำหรับข้อควรระวังการใช้ในผู้ป่วยโรคหัวใจและโรคไต เนื่องจากหญ้าดอกขาวมีโพแทสเซียมสูง และมีอาการไม่พึงประสงค์คือปากแห้ง คอแห้ง

อย่างไรก็ตาม ผลิตภัณฑ์หญ้าดอกขาวเพียงอย่างเดียวไม่สามารถทำให้เลิกบุหรี่ได้เด็ดขาดนะครับ การให้คำปรึกษา การหาปัญหาการติดบุหรี่ การประเมินสุขภาพปอด รวมไปถึงการให้กำลังใจและติดตามอย่างต่อเนื่อง จะสามารถช่วยทำให้ผู้ติดบุหรี่เลิกบุหรี่ได้อย่างรวดเร็ว ดังนั้นอันดับแรกของผู้ต้องการใช้หญ้าดอกขาวเลิกบุหรี่ ต้องพบแพทย์ตามสิทธิหลักประกันสุขภาพก่อน เพื่อวินิจฉัยอาการติดบุหรี่เสียก่อน เพิ่มเติมเทคนิคอีกนิดครับคือ ฝานมะนาวทั้งเปลือกเป็นแว่นๆ อมทั้งเปลือกในตอนที่อยากสูบบุหรี่หรือตอนก่อนจะสูบ จะทำให้รสชาติบุหรี่ไม่อร่อยเลย…สารจากเปลือกมะนาวทำให้รสชาติบุหรี่เปลี่ยนไป เเละวิตามินซีจะทำให้ร่างกายสดชื่น ยังไงก็ลองนำไปปรับใช้นะครับ สำหรับผู้รักสุขภาพทุกท่านที่อยากเลิกบุหรี่ บทความหน้าจะเป็นการลดความอ้วนด้วยหญ้าดอกขาว โปรดติดตามนะครับ.

 

 

ภูมิหลังประวัติศาสตร์นาคู

             ชนชาติต่างๆที่อยู่ในประเทศไทย นอกจากคนไทยแล้วยังมีชนพื้นบ้านอีกกลุ่มเช่นไทอีสาน ย้อ กะเลิง กะโซ่ กะตาก พวน ซ่ง ภูไท และส่วย  ชนเผ่าดังกล่าวนี้มีถิ่นฐานอยู่ประเทศลาว มีลักษณะทางภาษาแตกต่างกันมาก 

              กลุ่มชนต่างๆที่อพยพมาจากประเทศลาว เข้ามาอยู่ในประเทศไทยเนื่องจากเหตุสงครามบ้าง ประสบภัยธรรมชาติบ้าง ฝนไม่ตกตามฤดูกาลบ้าง ถูกกวาดต้อนมาบ้างหรือไม่ก็ติดตามญาติพี่น้องมาภายหลังก็มี ตามสมัยและเหตุการณ์

               การปลูกบ้านเรือน มักจะปลูกเรือนไม้ชั้นเดียวเป็นรูปสี่เหลี่ยมและยกพื้นใต้ถุนสูง มักปลูกบ้านใกล้เเม่น้ำลำคลอง หนอง บึง ที่ราบลุ่ม ภายในเรือนมักจะมีเตาไฟสำหรับนึ่งข้าวเหนียว ประกอบอาหาร

                การรักษาคนไข้ ก็ใช้คนที่ทรงผีหรือหมอดู มาทำนายทายทักให้รู้ว่าถูกผีนา ผีเรือน เป็นประการใด ซึ่งปัจจุบันก็ยังมีให้เห็นอยู่แต่น้อยมาก โดยฝ่ายหมอผีนั้นก็จำทำพิธี ร่ายมนต์ต่างๆที่ร่ำเรียนมาให้รู้ว่าเป็นภูติผีปีศาจอันใด แล้วก็บอกให้ญาติคนไข้ทราบ แล้วก็ใช้ยารากไม้ ต้มและแช่ กิน อาบ ทา เพื่อรักษาอาการให้หาย

   

หมอเหยา

เดือนไทย จันทรคติ ที่คนไทยควรรู้และจดจำ

หลายท่านอาจได้รู้จักชื่อเดือนในภาคสากลแล้ว คราวนี้เรามารู้จักเดือนไทยของเรากันบ้างดีกว่า ผมได้อ่านบทความจากหนังสือและคิดว่าน่าสนใจและอาจจะมีหลายท่านที่อาจจะยังไม่รู้ว่าทำไมเดือนไทยของเรา ต้องลงท้ายด้วยคำว่า “คม” หรือ “ยน” วันนี้ผมมีคำตอบครับ

คำว่า ” คม ” มาจากคำว่า  “อาคม” ไม่ใช่พ่อมด หมอผีนะครับ

ส่วนคำว่า ” ยน ” มาจากคำว่า “อายน”   ซึ่งทั้งสองคำนี้แปลว่า ” การมาถึง “

ดังนั้น เดือนเมษายน มาจากคำว่า เมษ + อายน จึงแปลว่า การมาถึง ราศีเมษ

เดือน พฤษภาคม มาจากคำว่า พฤษภ + อาคม จึงแปลว่า การมาถึงราศีพฤษภ

โดยเดือนของไทยอาจจะมีชื่อเรียกเฉาพะในบางเดือนอ้ายคือเดือน 1 ก็คือธันวาคม เดือนยี่คือเดือน 2 ก็คือเดือนมกราคม

จันทรคติ คือ การนับวันเดือนปี โดยใช้การโคจรของพระจันทร์เป็นเกณฑ์ คือ นับขึ้นแรม นับเดือนอ้าย ยี่ สาม สี่ ฯลฯ นับปี ชวด ฉลู ขาล เถาะ ฯลฯ เรียกว่าการนับทางจันทรคติ

แต่เดิมนั้น เราถือเอาวันแรม 1 ค่ำเดือนอ้าย เป็นวันขึ้นปีใหม่ เพื่อให้สอดคล้องกับคติแห่งพระพุทธศาสนา ซึ่งถือช่วงเหมันต์หรือหน้าหนาวเป็นการเริ่มต้นปี ต่อมาได้เปลี่ยนแปลงไปตามคติพราหมณ์ คือถือเอาวันขึ้น 1 ค่ำ เดือน 5 เป็นวันขึ้นปีใหม่ ซึ่งตรงกับวันสงกรานต์ ดังนั้น ในสมัยโบราณาเราจึงถือเอาวันสงกรานต์เป็นวันขึ้นปีใหม่ของไทย

เดือน 5 เมษายน

เดือน 6 พฤษภาคม

เดือน 7 มิถุนายน

เดือน 8 กรกฎาคม

เดือน 9 สิงหาคม

เดือน 10กันยายน

เดือน 11ตุลาคม

เดือน 12พฤศจิกายน

เดือน 1 ธันวาคม

เดือน 2 มกราคม

เดือน 3 กุมภาพันธ์

เดือน 4 มีนาคม

จันทรคติไทย

เป็นอย่างไรบ้างครับ น่าจะพอเข้าใจได้ไม่ยาก แต่มันจะยากตรงที่จะจำยังไงให้ได้หว่า…. เอาง่ายๆว่าอ้ายคือ 1 (ภาษาอีสานก็อ้ายแปลว่าพี่ ก็ต้องเกิดก่อนหรือมาก่อนก็คือ เดือน 1 นับที่ธันวาคม) ยี่ก็คือ 2 รองจากอ้ายนับต่อจากธันวามาก็คือมกราคม ซึ่งก็น่าจะเป็นประโยชน์แก่ผู้ที่ชอบดูดวงบ้างนะครับ อิอิ