ไก่ร้องเพลง โดยการเปิดเพลง Mozart, Beethoven (The singing chickens)

คลิป “ไก่ร้องเพลง” เป็นเทคนิคการเลี้ยงไก่ไข่ให้มีความสุขกับการกินอาหารและการออกไข่ โดยการเปิดเพลง Mozart, Beethoven ให้ไก่ฟัง ไก่ก็จะร้องตาม มีผลที่ตามมาชัดเจนคือไก่ไม่เครียด กินอาหารได้เยอะ ไข่ได้เยอะกว่าไม่เปิดเพลงอย่างมีนัยสำคัญ ใครจะลองเอาไปใช้ก็ได้นะครับ แล้วมาเล่าสู่กันฟังบ้างนะครับ อย่าลืมกดติดตาม(subscribe)นะครับ ผมจะหาคลิปดีดีๆมีสาระมาแบ่งปันเรื่อยๆครับ

อ่างเก็บน้ำห้วยมะโน ปี 2559 (มีคลิป)

1393491_539252779486967_540319549_nวันนี้ แอดมินมีโอกาสพาทุกท่านไปเยี่ยมชมบรรยากาศ อ่างเก็บน้ำห้วยมะโน ต.นาคู อ.นาคู จ.กาฬสินธุ์ ปี 2559

สภาพโดยทั่วไป เปลี่ยนไปเยอะจากแต่ก่อนครับ

จะเป็นอย่างไรบ้างนั้น เชิญชมคลิปด้านล่างนี้เลยครับ

ขั้นตอนการเลี้ยงกุ้งก้ามแดง หรือกุ้งล๊อบสเตอร์น้ำจืด ง่ายๆ

5

ขั้นตอนการเตรียมอุปกรณ์การเลี้ยง

หลังจากตัดสินใจเลี้ยงเครฟิชแล้ว ก่อนอื่นมาทำความรู้จักกับอุปกรณ์ต่าง ๆ ที่จำเป็นในการเลี้ยงกันครับ

1. ตู้ปลาหรืออ่าง

1

แนะนำตู้ขนาด 24 นิ้วสำหรับการเลี้ยง 1 คู่ เนื่องจากเครฟิชตัวเล็ก ๆ ที่คุณซื้อมาในตอนแรกนั้นจะเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็วภายในระยะเวลา 2-3 เดือน เครฟิชมีอุปนิสัยค่อนข้างก้าวร้าวและหวงถิ่นที่อยู่อาศัย จึงมักต่อสู้เพื่อป้องกันอาณาเขตของตนเองอยู่เสมอ ไม่ควรเลี้ยงรวมกันอย่างหนาแน่นในตู้เดียว หากต้องการเลี้ยงหลายตัวรวมกันควรใช้ตู้ขนาดใหญ่และจัดให้มีที่หลบภัยเพียงพอ เช่น ถ้ำ ขอนไม้ กระถาง ฯลฯ โดยตู้ขนาด 48 นิ้ว สามารถเลี้ยงได้ 2-3 คู่

 

2. วัสดุรองพื้น

2

การปูวัสดุรองพื้นจะช่วยให้เครฟิชสามารถเดินไปมาได้สะดวก และยังช่วยกักเศษอาหารต่าง ๆ ไม่ให้ฟุ้งกระจายอีกด้วย สามารถใช้หินรองพื้นสำหรับการเลี้ยงปลาทั่วไป ซึ่งมีให้เลือกซื้อหลายสีหลายชนิด สีของหินที่ใช้ปูพื้นนั้นมีผลต่อสีสันของเครฟิชด้วยเช่นกัน เนื่องจากเครฟิชสามารถปรับสีให้เข้ากับสภาพแวดล้อม ถ้าอยากให้สีเข้ม ๆ แนะนำให้ใช้หินนิลดำรองพื้นครับ

 

3. บ้านเครฟิช

3 4

เครฟิชจำเป็นต้องมีบ้านไว้สำหรับหลบซ่อน โดยเฉพาะในช่วงที่มีการลอกคราบใหม่ ๆ จะเป็นช่วงที่อ่อนแอที่สุด เนื่องจากเปลือกยังไม่แข็งตัว หากเกิดการปะทะต่อสู้กันในช่วงนี้อาจทำให้เสียชีวิตหรือสูญเสียอวัยวะต่าง ๆ ดังนั้นควรจัดหาบ้านให้เพียงพอกับจำนวนเครฟิช วัสดุที่นำมาใช้เป็นบ้านมีหลายอย่าง เช่น ท่อ PVC, กระถางดินเผา, กะละมะพร้าว ฯลฯ

 

4. ขอนไม้

5 6

ขอนไม้นอกจากจะช่วยเพิ่มความสวยงามภายในตู้แล้ว ยังเป็นที่หลบภัยอย่างดีสำหรับเครฟิช ในกรณีที่เกิดการต่อสู้กันฝ่ายที่เพลี่ยงพล้ำจะสามารถดีดตัวหนีขึ้นไปเกาะบนขอนไม้ และขอนไม้ยังเป็นที่สำหรับใช้ในการลอกคราบได้อีกด้วย การเลือกซื้อขอนไม้ควรเลือกชนิดที่จมน้ำแล้ว(ผ่านการแช่น้ำมา2-3เดือน) เพราะจะไม่ทำให้น้ำในตู้เหลือง เครฟิชเป็นนักกายกรรมชอบปีนป่าย ขอนไม้ที่ใช้ไม่ควรสูงหรือยาวเลยตู้จนเครฟิชสามารถปืนหลบหนีออกมาได้ กว่าจะหาเจอก็อาจพบว่ามันนอนแห้งตายไปซะแล้ว

 

5. ปั๊มออกซิเจน

7

ใช้ร่วมกับหัวทรายหรือกรองกระปุก มีให้เลือกหลายยี่ห้อ แนะนำให้ใช้ของคุณภาพดีสักหน่อยเพราะต้องทำงานตลอดเวลา อาจขอให้ทางร้านทดลองเปิดเปรียบเทียบกันหลาย ๆ ตัวปั๊มออกซิเจนที่ดีเวลาทำงานจะต้องไม่สั่นสะเทือนมากนัก ให้ลมแรง และเสียงเงียบ ให้ลองสัมผัสปุ่มยางรองที่ฐานของปั๊มออกซิเจน เนื้อยางจะต้องนิ่มไม่แข็งกระด้าง สามารถรองรับแรงสั่นสะเทือนได้ดี

 

6. ระบบกรอง

8

สำหรับผู้เลี้ยงเริ่มต้น แนะนำให้ใช้กรองกระปุกร่วมกับปั๊มออกซิเจน เพราะหาซื้อได้ง่ายและอุปกรณ์ไม่ซับซ้อน ภายในกรองกระปุกจะบรรจุใยฟองน้ำไว้สำหรับกรองเศษอาหาร ในกรองกระปุกบางรุ่นอาจใส่ไบโอบอลหรือวัสดุกรองชนิดอื่นมาให้ด้วย การต่อสายปั๊มลมเข้ากับกรองกระปุกควรหาอะไรมาปิดฝาตู้เอาไว้ ป้องกันไม่ให้เครฟิชปืนสายออกซิเจนออกมาภายนอก

 

7. จานอาหาร

9

การใช้จานอาหารจะช่วยไม่ให้เศษอาหารกระจัดกระจายตามพื้นตู้ สามารถใช้จานรองแก้วมาทำเป็นจานอาหารได้ ควรล้างทำความสะอาดทุก 2-3 วัน

 

8. โคมไฟ

10

โคมไฟสำหรับเพิ่มแสงสว่างเพื่อความสวยงาม หากจุดที่วางตู้มีแสงเพียงพอก็ไม่จำเป็นต้องใช้

 

9. สวิง

11

สวิงเอาไว้สำหรับช้อนเครฟิชหรือปลาต่าง ๆ

 

10. กาลักน้ำ

12

กาลักน้ำเป็นอุปกรณ์ที่จำเป็นสำหรับการเปลี่ยนถ่ายน้ำ ใช้ดูดเศษอาหารที่หมักหมมบริเวณพื้นตู้

ต่อไปเราจะมารู้จักกับอาหารของ น้องกุ้งกันนะครับ อาหารสำหรับกุ้งเครฟิช กุ้งก้ามแดง หรือกุ้งล๊อบสเตอร์น้ำจืด

เทคนิคการเลี้ยงกุ้งเครฟิชหรือกุ้งก้ามแดง สัตว์เลี้ยงตัวแพงที่กำลังเป็นกระแส

1

แต่เดิมคนไทยที่คิดจะเลี้ยงกุ้งเครฟิสมาเลี้ยงในตู้ปลาเป็นกุ้งสวยงามจะต้องมีการสั่งนำเข้ามาจากต่างประเทศซึ่งมีราคาสูงมาก อีกทั้งยังพบปัญหาในการรอดต่ำ คุณมาโนช ลักษณกิจ ชาวอำเภอสันทราย จังหวัดเชียงใหม่ หนึ่งในผู้มีประสบการณ์ในการเพาะขยายพันธุ์ปลารันชู, กุ้งแคระและกุ้งเครฟิส ทำให้ราคาซื้อ-ขายกุ้งเครฟิสที่เพาะขยายพันธุ์ได้ในบ้านเรามีราคาถูกลงมาถึง 1-2 เท่าตัว คุณภาพของกุ้งไม่แพ้ที่นำเข้ามาจากต่างประเทศ คุณมาโนช ได้ให้คำแนะนำเบื้องต้นสำหรับผู้สนใจที่คิดจะเลี้ยงกุ้งเครฟิสเป็นกุ้งสวยงามควรจะเริ่มต้นเลี้ยงกุ้งสวยงามที่เลี้ยงง่ายก่อน เช่น กุ้งบลูล็อบเตอร์หรือกุ้งมังกรฟ้า ซึ่งเป็นกุ้งล็อบเตอร์น้ำจืด เลี้ยงกุ้งชนิดนี้ให้เกิดความชำนาญเสียก่อนและค่อยมาเลี้ยงกุ้งเครฟิสสายพันธุ์อื่นต่อไป

สำหรับวิธีการเลี้ยงกุ้งเครฟิสในตู้  เลี้ยงปลา ควรจะใช้ตู้ที่มีขนาด 24 นิ้วขึ้นไปและมีระบบกรองน้ำในตัว ในแต่ละตู้จะเลี้ยงกุ้งชนิดนี้เพียง 1-2 ตัวเท่านั้น เนื่องจากนิสัยของกุ้งเครฟิสจะคล้ายกับปลาหมอสี ที่มักจะหวงถิ่นและชอบรังแกตัวที่อ่อนกว่า บางครั้งพบการกินกันก็มี ตู้ปลาควรรองพื้นตู้ด้วยก้อนกรวดหินสีต่าง ๆ สำหรับผู้เลี้ยงที่รักศิลปะอาจจะเลือกสีของกรวดให้ตัดกับตัวกุ้งเครฟิสก็ได้ พันธุ์ไม้น้ำไม่เหมาะที่จะนำมาใส่ไว้ในตู้เพราะกุ้งเครฟิสจะใช้ก้ามตัดและรื้อทำลายจนหมดควรหากระถางหรือแจกันดินเผาหรือท่อ PVC หรือขอนไม้เพื่อให้กุ้งได้เป็นที่หลบซ่อนตัว
2
อาหารหลักที่ใช้เลี้ยงกุ้งเครฟิสจะใช้อาหารเม็ดสำเร็จรูปประเภทอาหารจม และควรจะเสริมด้วยอาหารสด เช่น หนอนนก เพื่อเพิ่มโปรตีนช่วยให้กุ้งมีสีสด โตเร็วและก้ามโต แต่ข้อควรระวังในการใช้อาหารสดคือน้ำที่ใช้เลี้ยงอาจจะเสียได้ จะต้องหมั่นเปลี่ยนถ่ายน้ำโดยในการเปลี่ยนแต่ละครั้งควรเปลี่ยนน้ำเก่าออกประมาณ 20-30% ของตู้แล้วเติมน้ำสะอาดใหม่ลงไปทดแทนถ้าใช้น้ำคลอรีนควรพักน้ำในบ่อนานประมาณ 7-10 วัน

คนที่เลี้ยงกุ้งเครฟิสจะหลงเสน่ห์ของกุ้ง  สวยงามชนิดนี้ ผู้เลี้ยงจะได้เห็นพัฒนาการของกุ้งในแต่ละช่วงชีวิต ตั้งแต่ลูกกุ้ง, หลังการลอกคราบทุกครั้ง  ขนาดของตัวกุ้งจะใหญ่ขึ้นและมีสีสันที่เปลี่ยนไป เสน่ห์อยู่ตรงที่ผู้เลี้ยงจะได้ลุ้นว่าตัวกุ้งจะขนาดใหญ่ขึ้นเท่าไรและสีสวยสดมากขึ้นหรือไม่ ในการเลี้ยงกุ้งเครฟิสนั้นมักจะนิยมเลี้ยง 1 ตัวต่อ 1 ตู้ก่อนและหากุ้งตัวที่ 2 มาใส่ลงเลี้ยงทีหลังและใน 2 ตัวจะต้องเป็นตัวผู้และตัวเมียอย่างละตัว ช่วงแรกหมั่นสังเกตว่ากุ้งทั้ง 2 ตัว เข้าคู่กันได้หรือไม่ ถ้าเข้ากันได้ในอนาคตจะมีโอกาสผสมพันธุ์กัน ในกรณีที่ผสมพันธุ์กันสำเร็จตัวเมียจะมีไข่ให้แยกเอาตัวผู้ออกมาจากตู้ เมื่อไข่ฟักออกเป็นลูกกุ้งให้แยกลูกกุ้งออกมา (พ่อ-แม่จะกินลูกกุ้ง) ให้เอาลูกกุ้งไปอนุบาลต่างหาก ปัจจุบันกุ้งเครฟิสจะแยกได้ 2 กลุ่มตามลักษณะของก้าม คือ “กลุ่มก้ามหนาม” และ “กลุ่มก้ามโต” ราคาซื้อ-ขายในปัจจุบันถูกลงมา เช่น บลูล็อบเตอร์เหลือตัวละ 40-60 บาทขนาดลำตัวครึ่งนิ้ว.

เทคนิคการเลี้ยงกุ้งก้ามแดง กุ้งสี กุ้งเครฟิช หรือกุ้งล๊อบสเตอร์น้ำจืด สัตว์เศรษฐกิจตัวแรง แซงทุกสายพันธุ์

2

ลุงฉะอ้อน เผนโคกสูง เกษตรกรสำนึกรักบ้านเกิด จ.นครราชสีมา เจ้าของผลงานกบคอนโด มีการคิดค้นวิธีการเลี้ยงแบบใหม่ เพื่อลดต้นทุน และเพิ่มมูลค่าให้สินค้า ซึ่งล่าสุดนำกุ้งเครฟิชมาเลี้ยงจนประสบความสำเร็จ เพราะนอกจากจะเลี้ยงเป็นกุ้งสวยงามในตู้ปลาแล้ว ยังสามารถเลี้ยงเชิงพาณิชย์รายได้งามอีกด้วย

การเลี้ยงกุ้งเครฟิชเชิงพาณิชย์

กุ้งเครพิช

การเตรียมบ่อ
ลักษณะสร้างบ่อ   ใช้ไม้ไผ่ปักเป็นหลักไว้ 4 มุม แล้วเตรียมพลาสติกใส หรือพลาสติกสีดำขนาดยาว 4 เมตร กว้าง 2 เมตร ลึก 50 เซนติเมตร นำมุมพลาสติกทั้ง 4 มุมมามัดติดกับหลักไม้ไผ่ทำเป็นบ่อและยกให้ขอบบ่อสูงขึ้นหลังจากใส่น้ำ ยกให้สูงประมาณ 50 เซนติเมตร

การสร้างบ่อพลาสติกแบบง่าย
ขั้นตอนการเลี้ยง

เมื่อได้บ่อแล้วให้ปล่อยน้ำเข้าไปในระดับน้ำสูงประมาณ 40 เซนติเมตรนำกุ้งเครฟิชพ่อพันธุ์-แม่พันธุ์จำนวน 1 คู่ มาปล่อยในบ่อ
การเลี้ยงกุ้งเครฟิชสำหรับตัวเมียจะมีการวางไข่ทุก4-6 เดือน เมื่อเลี้ยงพ่อพันธุ์-แม่พันธุ์ ได้อายุประมาณ 4-6 เดือนให้เริ่มตักกุ้งขึ้นมาดูว่ามีการออกไข่หรือยังถ้ามีการออกไข่แล้วให้นำกุ้งแยกออกมาโดยนำมาใส่ไว้ในตะกร้าสี่เหลี่ยมที่มีรูระบาย ใช้ตะกร้า 2 ใบประกบกันนำกุ้งไปอยู่ข้างในแล้วมัดทุ่นลอยน้ำไว้ครึ่งหนึ่งเพื่อให้กุ้งสลัดไข่ออกป้องกันกุ้งกินไข่ตัวเอง (กุ้งจะต้องเลี้ยงในที่เงียบเพื่อช่วยในการวางไข่หากมีเสียงอึกทึกจะทำให้กุ้งเวลาออกไข่มันจะกินไข่ตัวเองจนหมดเพราะกลัวว่าไข่จะได้รับอันตราย)

กุ้งเครฟิชอายุ 1 ปี จะวางไข่ 2 ครั้ง
ขนาดบ่อยาว 4 เมตร กว้าง 2 เมตร ลึก 50 ซ.ม.จะปล่อยลูกกุ้งได้ 500 ตัวกุ้งจะมีการขยายตัวทุก 6 เดือน และลอกคราบออกเอง ใน 1 ปีกุ้งจะวางไข่ 2 ครั้ง ถ้าเป็นกุ้งสาวรุ่นแรกจะได้ไข่ที่ออกมาเป็นลูกกุ้งประมาณ 200-300 ตัวหากเป็นกุ้งที่โตเต็มที่อายุ1 ปีจะได้ไข่ออกมาเป็นลูกกุ้งประมาณ 400-500 ต่อตัวเมื่อเลี้ยงอายุครบ 12 เดือน จะได้กุ้งน้ำหนักประมาณ 7-9 ตัว ต่อ 1 กิโลกรัม

กุ้งเครฟิชอายุ 2 เดือน
การให้อาหาร

อาหารอาจจะให้ไรแดงก็ได้ พอกุ้งมีอายุประมาณ 2 เดือน ก็จะกินอาหารประเภทเนื้อปลานิลสับเศษเนื้อปลาทู หรือปลาเล็กสับละเอียดก็ได้ให้เดือนละครั้งก็พอ

นอกจากการเลี้ยงแบบบ่อพลาสติกยกสูงแล้วยังสามารถเลี้ยงในนาข้าวได้ด้วยเช่นกัน  กุ้งเครฟิชสามารถจำหน่ายได้ราคาอยู่ที่กิโลกรัมละ1,200 บาทหรือขีดละประมาณ 120 บาท ในการเลี้ยงเมื่อจดทะเบียนการเลี้ยงแบบพาณิชย์มีการรับรองเรื่องการเลี้ยงส่งออกจะสามารถขายได้ถึงกิโลกรัมละ 1,500 บาท
แหล่งที่มาของข้อมูล : rakbankerd.com
คุณฉะอ้อน เผนโคกสูง
ที่อยู่ : หมู่ที่8 ตำบลหนองไข่น้ำ อำเภอเมือง จังหวัดนครราชสีมา

สวนมะนาวเข่ง สร้างรายได้ปีละล้านที่ ‘มหาชัย’

พลิกที่ 2 ไร่ทำสวนมะนาวเข่ง สร้างรายได้ปีละล้านที่ 'มหาชัย'

พลิกที่ 2 ไร่ทำสวนมะนาวเข่ง สร้างรายได้ปีละล้านที่ ‘มหาชัย’

ท่องโลกเกษตร : พลิกที่ 2 ไร่ทำสวนมะนาวเข่ง สร้างรายได้ปีละล้านที่ ‘มหาชัย’ : โดย…มานพ พฤติวโรดม

                      กระแสนิยมเกษตรหมุนเวียนปลูกพืชแบบผสมผสานต้องยอมรับมีหลายจังหวัดตามแนวเศรษฐกิจพอเพียงได้รับความสนใจต่อเนื่อง ทำให้นอกจากมีรายได้หมุนเวียน ประหยัดเนื้อที่ ยังช่วยลดต้นทุน ปัจจุบันมีเกษตรกรไม่น้อยประสบความสำเร็จจนเป็นตัวอย่างสวนพืชผสมผสานและแหล่งเรียนรู้ภูมิปัญญาท้องถิ่นจนสร้างรายได้น่าพอใจ อย่างของ “วรพงษ์ ชอบชื่น” เจ้าของสวนมะนาวแป้น (ต้นแบบ) ถือเป็นอีกหนึ่งความสำเร็จในการเพาะมะนาวเข่งและปลูกผักสวนครัวไร้สารจำหน่าย บนเนื้อที่ 2 ไร่เศษ เลขที่ 30/9 หมู่ 3 ต.ชัยมงคล (ริมถนนเส้นทางพระประโทน-บ้านแพ้ว) อ.เมือง จ.สมุทรสาคร กระทั่งล่าสุดได้ยกระดับเป็นต้นแบบ “แปลงสาธิตผสมผสานปลูกพืชหมุนเวียนปลอดสารเคมี” และ “ศูนย์เรียนรู้ต้นแบบการทำเกษตรอินทรีย์ จ.สมุทรสาคร” ทำให้มีรายได้กว่า 1 ล้านบาทต่อปี
                      วรพงษ์ เล่าว่ามีความชื่นชอบทำสวนผสมเป็นการส่วนตัว โดยที่ผ่านมาได้ประสบการณ์จากคลุกคลีในวงการเกษตรมากพอสมควรหลายปี กระทั่งเมื่อปี 2551 ได้จังหวะทำสวนมะนาวแบบผสมผสานตามความคิดและเริ่มต้นอย่างจริงจัง ทำควบคู่กับผักสวนครัวหลังเห็นความสำคัญของที่ดินว่างเปล่ามีใช้อยู่ประมาณ 2 ไร่เศษทำประโยชน์ได้ จึงตัดสินใจรวบรวมทรัพย์สินเงินทองที่มีอยู่ ค่อยๆ ดำเนินการ หาซื้อดินมาปรับปรุงและปรับหน้าดินตามความต้องการ แบ่งเป็นโซนๆ เพื่อทำพืชหมุนเวียนแบบผสม โดยเน้นเลือกใช้เข่งขนาด 70 เซนติเมตร มาปลูกมะนาวขายเพื่อประหยัดเนื้อที่ อย่างไรก็ตามต่อมาไม่นานต้องหยุดว่างเว้นไปช่วงหนึ่งราว 1-2 ปี เนื่องจากมีโครงการซ่อมแซมขยายถนนสายพระประโทน-บ้านแพ้ว ผ่านหน้าบ้านทำให้การสัญจรไม่สะดวกไม่ค่อยสะดวก กระทั่งมาลงตัวในปี 2557
                      “ในพื้นที่ตอนนี้มีมะนาวเข่ง (หรือหลัว) มีประมาณกว่า 300 ต้น นอกจากนี้ยังมีโซนปลูกพืชผักสวนครัวแบบปลอดสารเคมีเกือบครบทุกชนิด มีโซนผลิตปุ๋ยและยาจากธรรมชาติ ส่วนเนื้อดินที่ใช้ส่วนใหญ่เป็นดินผสมจากใบต้มก้ามปูเป็นหลัก เพราะเหมาะกับพืชหลายชนิดต้องการ โดยเฉพาะมะนาวจะชอบดินร่วนซุย ทำให้ขณะนี้มีสินค้าขายเป็นรายได้หมุนเวียนหลายอย่างเข้ามา”
                      เจ้าของสวนมะนาวคนเดิมเผยอีกว่า สำหรับมะนาวแป้นนั้นในสมุทรสาครถือเป็นพืชที่ทำเศรษฐกิจสำคัญตัวหนึ่งของจังหวัด ยิ่งช่วงหน้าร้อน ยิ่งทำรายได้ดีเพราะความต้องของตลาดรับซื้อไม่อั้น ขณะที่การบริโภคก็ใช้กินกันอยู่ทุกวัน ส่วนพันธุ์ผลไม้ใหญ่ที่ซื้อดักหน้ามาปลูกไว้ก่อนเพื่อช่วยบังแสงแดดช่วยพืชล้มลุก ก็สามารถทำเงินได้เล็กน้อยๆ แต่มีตลอดทั้งปี เช่น มะม่วง มะขาม ละมุด กระท้อน หมากไทย กล้วยน้ำหว้า และกล้วยหอม ไม่ใช่ขายมะนาวอย่างเดียว ที่เป็นตัวชูโรงอันดับหนึ่ง
                      “ส่วนข้อดีมะนาวบ้านแพ้วคือ ลูกใหญ่ เนื้อนุ่ม ให้น้ำมาก โดยเฉพาะผิวเปลือกบางเป็นจุดเด่นซึ่งผ่านพิสูจน์มาแล้ว แต่ราคาอาจจะสูงกว่าชนิดอื่นเล็กน้อย อย่างไรก็ตามมะนาวบรรจุเข่งจุดเด่นก็คือ ง่ายต่อการเคลื่อนย้าย ประหยัดเนื้อที่ ดูแลรักษาก็ง่าย และง่ายต่อการบังคับให้น้ำ อย่างการพรวนดินแค่เราเขย่าเข่งให้เคลื่อนไหวไปมา ข้อสำคัญมะนาวในเข่งสามารถบังคับให้ออกผลนอกฤดูได้แค่คำนวณไว้ล่วงหน้า 6-7 เดือน สวนแห่งนี้เป็นหัวใจหลัก”
                      เจ้าของสวนย้ำด้วยว่า สำหรับมะนาวบรรจุเข่งที่ขายสังเกตที่โคนต้นยังมีผักสวนครัวชนิดต่างๆ เหมาะสมกับมะนาวเรื่องมีกลิ่นฉุน อาทิ กะเพรา โหระพา พริก หรือผักชี ให้มาเกื้อกูลกันช่วยไล่แมลงให้ด้วย ขณะที่สนนราคาขายอยู่ ณ ขณะนี้เข่งแถมลูกไปด้วยสามารถนำไปทำเงินได้เลยเข่งละ 3,000 บาท หากเป็นมะนาวต้นกล้าราคาตั้งแต่ต้นละ 40 บาทขึ้นไป ซึ่งขณะนี้ที่สวนมีจำหน่ายขายทั้งมะนาวและพืชผักรวมๆ แล้วกว่า 1 ล้านบาทต่อปี
                      ไม่เพียงการทำสวนมะนาวเข่งและพือผักสวนครัวเท่านั้น แต่วรพงษ์ยังมีจิตสาธารณะช่วยงานสังคมด้วยการเป็นวิทยากรความรู้ด้านเกษตรอินทรีย์ พร้อมทั้งได้รับการแต่งตั้งเป็นสมาชิกสภาเกษตรกรจังหวัด ประธานศูนย์เรียนรู้ต้นแบบการทำเกษตรอินทรีย์ จ.สมุทรสาคร ประธานสหกรณ์เพื่อการตลาดลูกค้า ธ.ก.ส., ประธานสภาสิ่งแวดล้อมจังหวัด และหลายปีก่อนได้เป็นตัวแทนสภาเกษตรเยาวชน ที่ผ่านมาจึงออกเสวนาร่วมเวทีโครงการเพื่อแลกเปลี่ยนความรู้วิถีเกษตรในและนอกจังหวัด ไปเผยแพร่ประสบการณ์นับไม่ถ้วน สำหรับเกษตรกรที่สนใจอยากจะเรียนรู้ดูงานหรือซื้อกิ่งพันธุ์และผลิตผลทางการเกษตรจากสวนแห่งนี้เจ้าของสวนยินดีต้อนรับตลอดเวลา
(ท่องโลกเกษตร : พลิกที่ 2 ไร่ทำสวนมะนาวเข่ง สร้างรายได้ปีละล้านที่ ‘มหาชัย’ : โดย…มานพ พฤติวโรดม)

อาหารสำหรับกุ้งเครฟิชหรือกุ้งก้ามแดง

อาหารสำหรับเครฟิช
เครฟิชเป็นสัตว์ที่กินอาหารได้แทบทุกชนิด ทั้งอาหารเม็ด, อาหารสด หรือแม้กระทั่งผักสดในตู้เย็น บทความนี้จะช่วยแนะนำผู้เลี้ยงมือใหม่ให้รู้จักกับอาหารชนิดต่าง ๆ
อาหารเม็ด

 


1. TetraBits Complete
อาหารสำหรับปลาปอมปลาดัวร์ที่นิยมนำมาเลี้ยงเครฟิช เนื่องจากมีคุณสมบัติที่โดดเด่นในเรื่องการเร่งสีสัน แต่มีจุดด้อยคือ มีปริมาณแคลเซียมไม่เพียงพอสำหรับเครฟิช ควรให้อาหารเสริมแคลเซียม เช่น ลิ้นทะเล แคลเซียมน้ำ ฯลฯ ควบคู่กันไปด้วย

ส่วนประกอบ


โปรตีน 47.5%, น้ำมัน 6.5%, ไฟเบอร์ 2%, ASH 10.5%, Moisture 6%, วิตามิน A 29770 IU/kg, D 1860 IU/kg, E 200 mg/kg และอื่นๆ

 

2. Kanshu Lobster
มีลักษณะเป็นเม็ดเล็กๆ จมน้ำ ตรงกับพฤติกรรมการกินอาหารของกุ้ง ทำให้น้ำไม่เน่าเสียง่าย

  • ช่วยเร่งการเจริญเติบโตและกระตุ้นการลอกคราบของกุ้งอย่างต่อเนื่อง
  • เพิ่มสีสันในกุ้งให้สดใส สวยงาม ด้วยสารอาหาร Astaxanthin
  • มีคุณค่าทางโภชนาการที่เหมาะแก่กุ้งสวยงามทุกชนิด เพิ่มความแข็งแรงให้ก้ามและตัวกุ้งจากแร่ธาตุและวิตามิน
  • มีส่วนผสมของสารแคโรทีนอยด์ช่วยในการเร่งสี แคลเซียม แมกนีเซียม และฟอสฟอรัส ช่วยในการเสริมสร้างเปลือกให้แข็งแรง

ส่วนประกอบ

ไม่มีข้อมูล

3. Oceanfree SuperCrustaNorish
อาหารสำหรับกุ้งสวยงามทุกชนิด อุดมไปด้วยสารอาหารที่มีประโยชน์สำหรับกุ้ง มีส่วนผสมของกุ้งป่น, สไปรูไลน่า, ปลาป่นคุณภาพสูง, แคลเซียม, แร่ธาตุ, มัลติวิตามิน, โปรตีน, เอ็นไซน์, ไข่แดง, เชื้อจุลินทรีย์ข้าวสาลี และอื่นๆ

  • แคลเซียมช่วยในการสร้างเปลือก และลอกคราบ
  • เร่งการเจริญเติบโต และวิตามินบำรุงสุขภาพ
  • วิตามินช่วยในการเร่งสีให้เข้มสวยขึ้น
  • มีแร่ธาตุครบถ้วน

ส่วนประกอบ

โปรตีน 45%, Fibre(ใยอาหาร) 5.5%, ไขมัน 9%, Moisture 7.5%

4. TetraCrusta Menu
อาหารสำหรับกุ้งสวยงาม ประกอบไปด้วยคุณค่าทางสารอาหารที่ครบถ้วนสำหรับกุ้ง ใน 1 ขวดบรรจุอาหาร 4 สูตร ได้แก่ Stick ,Wafer ,Crisp , Granule ให้สารอาหารที่หลากหลาย


ส่วนประกอบ


โปรตีน 48%, Grassi greggi 9%, Cellulosa greggia 2%, Ceneri gregge 8%,Umidita 8%, วิตามิน A 29290 IU/kg, D3 1830 IU/kg, E 325 mg/kg และอื่นๆ

 


ผักสดและผักลวก
ผักชนิดต่าง ๆ นำมาเลี้ยงเครฟิชได้เช่นกัน โดยเฉพาะผักที่มีสารเบต้าแคโรทีนสูงซึ่งมีคุณสมบัติในการเร่งสีสัน ผักที่นำมาให้เครฟิชกินควรล้างให้สะอาดปราศจากยาฆ่าแมลง โดยสามารถให้ได้ทั้งผักสดและผักลวก ผักที่นิยมนำมาเลี้ยงได้แก่ แครอท, ฝักทอง, หน่อไม้ฝรั่ง, ผักบุ้ง, สาหร่าย ฯลฯ


อาหารสดอื่น ๆ
อาหารสดจำพวกเนื้อสัตว์ เช่น กุ้งฝอย, ไรแดง, หนอนแดง,เนื้อปลาสด ฯลฯ ให้โปรตีนและมีคุณค่าทางอาหารสูง แต่ก็มีข้อเสียคือ ทำให้น้ำเน่าเสียง่าย และมีพยาธิหรือปรสิตที่เป็นอันตรายต่อเครฟิช

 

อาหารเสริมและวิตามิน

 


1. ไคโตซาน
สารสกัดจากเปลือกกุ้งเป็นสารโพลิเมอร์ชีวภาพที่สกัดจากธรรมชาติ 100% จึงไม่เป็นอันตราย ไม่มีพิษตกค้าง เหมาะสำหรับผสมอาหารสัตว์ หรือผสมน้ำให้สัตว์กิน


ประโยชน์

  • คลุกเคลือบอาหารกุ้ง ทำให้อาหารละลายช้า (มากกว่า 12 ชั่วโมง) ลดการสูญเสียอาหาร และช่วยให้น้ำไม่เน่าเสีย
  • เป็นสารตั้งต้นในการสร้างเนื้อเยื้อ และเปลือกกุ้ง ช่วยให้ลอกคราบดี เติบโตเร็ว
  • จับตรึงสารพิษในน้ำ ช่วยให้น้ำดีอยู่เสมอ และช่วยยับยั้งเชื้อราในอาหารสัตว์
  • เร่งการเจริญเติบโต ช่วยให้สัตว์แข็งแรงมีภูมิต้านทานโรค

2. วิตามินน้ำ (ViiTA)

ช่วยให้กุ้งเจริญเติบโต มีสีสันสวยงาม สุขภาพแข็งแรง บำรุ่งเชื้อทำให้ติดไข่มาก ลดความเครียดและอันตรายจากการลอกคราบ ผสมลงในตู้ 5cc ต่อน้ำ 100ลิตร

3. แคลเซียมน้ำ (CalLiquid)

สำหรับเพิ่มแคลเซียมในน้ำหรือผสมอาหาร ช่วยสร้างเปลือกให้แข็งแรง ลอกคราบง่าย เพิ่มอัตราการรอดจากการลอกคราบ ผสมลงในตู้ 1cc ต่อน้ำ 5ลิตร

4. ลิ้นทะเลหรือกระดอกปลาหมึก

ลิ้นทะเลหรือกระดอกปลาหมึกเป็นแหล่งแคลเซียมที่ดีและราคาถูก นำมาหั่นเป็นชิ้นเล็ก ๆ ให้เครฟิชกิน
*** เคล็ดลับ การลวกน้ำร้อนหรือนำไปต้มจะช่วยให้ลิ้นทะเลจมน้ำ ***

หินแร่

นิยมใส่ลงไปในตู้ที่เลี้ยงเครฟิช ช่วยเพิ่มแร่ธาตุในน้ำ

  • หินทิดิไมท์ มีคุณสมบัติช่วยในการลอกคราบ เสริมแคลเซียม
  • หินเกรย์สโตน มีคุณสมบัติช่วยให้เปลือกกุ้งแข็งแรงหลังการลอกคราบ

เทคนิคการเลี้ยงกุ้งก้ามแดง หรือล๊อบสเตอร์น้ำจืด กุ้งตัวแรงที่กำลังแซงทุกโค้ง

เทคนิคการเลี้ยงกุ้งก้ามแดง กุ้งเศรษฐกิจตัวใหม่ที่ตลาดต้องการ

4

กุ้งก้ามแดง หรือกุ้งเครฟิช มีถิ่นกำเนิดที่ ออสเตรเลีย ขนาดโตเต็มที่ 12 นิ้วอายุเฉลี่ย 4ปี ในธรรมชาติ ถ้าเลี้ยงใส่ตู้กระจก อยู่ได้ 2-3 ปี อุณหภูมิที่เหมาะสมในการเลี้ยง 25-28 องศา ถือว่า อากาศและอุณหูภูมิในบ้านเรา กำลังดี

กุ้งก้ามแดงเป็นกุ้งชนิดแรกที่ถูกนำเข้ามาในประเทศไทย โดยพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ซึ่งทรงทดลองเลี้ยงเพื่อเป็นอาหาร เพราะเป้นกุ้งที่มีการเจริญเติบโตค่อนข้างเร็วและมีขนาดใหญ่ ลักษณะเด่นคือ มีขนาดใหญ่และสีของกุ้งมีการเปลี่ยนแปลงตลอด แต่สีที่พบมากที่สุดคือ สีเขียว สีน้ำตาล และสีน้ำเงิน ซึ่งคนไทยจะเรียกว่า บลู ล็อปเตอร์ บางที่ก็เลี้ยงไว้เพื่อความสวยงามแล้วนำจำหน่ายได้ในราคาสูง

444

กุ้งชนิดนี้มีจุดเด่นอีกอย่างคือ แถบข้างของก้ามจะมีสีแดง และ สีส้ม เป็น เอกลักษณ์เฉพาะ ซึ่งแถบสีเหล่านี้ จะพบกับกุ้งเพศผู้เท่านั้น ส่วนเพศเมียจะไม่มีแถบสี กุ้งชนิดนี้เลี้ยงง่าย ปรับตัวได้ไวและภูมต้านทานโรคสูง ปัจจุบันเกษตรนำมาเลี้ยงเป็นกุ้งเนื้อ และเป็นที่ต้องการของตลาด

การเริ่มต้นเลี้ยงกุ้งก้ามแดง แบบเลี้ยงเพื่อเศรษฐกิจ จะต้องทำอย่างไรบ้าง

1. การเตรียมน้ำ ต้องเตรียมน้ำ ยกตัวอย่างเลี้ยงในตู้ 24 นิ้ว ใส่น้ำประมาณ 50 ลิตร เติมเกลือแกงไปประมาณ 2-4 ช้อนโต๊ะ เปิด ออกซเจนทิ้งไว้ 1-2 ชั่วโมง ไม่ต้องใส่น้ำยาลดคลอรีน ก่อนนำกุ้งลงตู้ให้เอาถุงใส่กุ้งลอยน้ำทิ้งไว้ 15 นาที เพื่อปรับอุณหภูมิให้กับกุ้ง

** กรณีเลี้ยงบ่อดิน บ่อผ้าใบพลาสติก ใส่น้ำความสูง 30-40 เซนติเมตร เติมเกลือ อัตราน้ำ 1000 ลิตร ต่อ 1 กิโลกรัม ปั๊มออกซิเจน หรือใบพัดปั่นน้ำ ในบ่อทิ้งไว้ 5-6 ชั่วโมง ค่อยนำกุ้งลง แล้วแต่ ขนาดของบ่อ **

666

2.ปรับอุณหภูมิการเลี้ยงไว้ที่ 20-30 องศาเซลเซียส

3.สังเกตการลอกราบของกุ้ง ซึ่งช่วงเวลานี้กุ้งจะบอบบางและอ่อนแอมาก จะสังเกตอย่างไร แบ่งออกเป็นข้อๆได้ตามนี้ครับ
– ปริมาณการกินอาหารน้อยลง
– รอยต่อของลำตัวจะเปิด
– จับดูที่เปลือกหัวจะนุ่มนิ่มแสดงว่าใกล้ลอกคราบ
– แต่ถ้าห้วเปิดแล้วตัวยังแข็งอยู่แสดงว่ายังไม่ลอกคราบ อาจจะเกิดจากการที่กุ้งกินอาหารมากเกินไป ทำให้เปลือกบริเวฯรอยต่อยกขึ้นเหมือนลอกคราบ
4. การถ่ายน้ำในกรณีเลี้ยงตู้ควรถ่ายทุกๆ 7-10 วัน ** ส่วนบ่อดิน บ่อผ้าใบพลาสติก สูบน้ำเก่าออกเติมน้ำใหม่เข้า ทุก 2 สัปดาห์ ** ไม่ควรเปลี่ยนน้ำทิ้งทั้งหมด จะทำให้กุ้ง น็อคน้ำได้
5.อาหาร สำหรับกุ้งชนิดนี้กินได้ทั้งพืชและสัตว์และอาหารเม็ด ยกตัวอย่างอาหารของกุ้งก้ามใหญ่ เช่น สาหร่ายหางกระรอก แครอท และพืชน้ำอื่นๆ ประเภทเนื้อสัตว์จะเป็นพวก กุ้งฝอยต้ม เนื้อปลาตัวเล็กๆ *หนอนแดง กรณีเลี้ยงในตู้หรือ บ่อพลาสติก*
6.การเพาะพันธุ์ กุ้งก้ามใหญ่ จะเริ่มผสมพันธุ์ที่ขนาดประมาณ 3 นิ้วขึ้นไป ( ขึ้นอยู่กับความสมบูรณื และสายพันธุ์ ) หลังจากผสมแล้ว ตัวเมียจะปล่อยไข่ออกมาใต้หาง และใช้เวลา 30 วันลูกจะเป็นตัวแล้วจะลงดิน อัตตราการผสม ตัวผู้ 1 ตัว ต่อ ตัว เมีย 3 ตัว

888
แนวทางการเลี้ยงแบบสวยงาม

กุ้งเครย์ฟิช สามารถนำมาเลี้ยงในตู้ปลาได้ แต่หากเลี้ยงรวมกันหลายตัว ควรจะเลี้ยงในตู้ปลาขนาดใหญ่ ที่มีขนาดไม่ต่ำกว่า 24 นิ้ว เพราะกุ้งเครย์ฟิช มีนิสัยค่อนข้างก้าวร้าว และหวงถิ่นที่อยู่ เมื่อมีเนื้อที่กว้างจะทำให้กุ้งแต่ละตัวสามารถสร้างอาณาเขตของตนเองได้ หากนำมาเลี้ยงรวมกันอย่างหนาแน่นจะพบว่า กุ้งเครย์ฟิช ขนาดเล็กมักถูกรังแกและมีโอกาสที่จะถูกกุ้งเครย์ฟิชที่มีขนาดใหญ่กว่ากิน เป็นอาหารได้ นอกจากนี้ ควรใส่ขอนไม้ กระถางต้นไม้แตกๆ หรือท่อ พีวีซี ตัดเป็นท่อนๆ เพื่อให้กุ้งเครย์ฟิชได้หลบอาศัยในเวลากลางวัน เพราะปกติช่วงกลางวันเป็นเวลาที่มันจะอยู่เงียบๆ แต่จะออกมาหาอาหารในเวลากลางคืนมากกว่า

 

1010

สำหรับการตกแต่งตู้เลี้ยง กุ้งเครย์ฟิชนั้น หากชอบให้ตู้โล่งก็สามารถทำได้เช่นเดียวกัน แต่ควรใส่ท่อพีวีซีลงไปด้วย เพื่อให้กุ้งได้ใช้ในการหลบซ่อนตัว แต่หากต้องการให้ตู้เลี้ยงมีความสวยงามก็สามารถใช้กรวดปูพื้นตู้ได้ แต่มักพบว่า กุ้งเครย์ฟิชมีนิสัยชอบขุดคุ้ยกรวดเพื่อสร้างเป็นที่กำบังในเวลากลางวัน จึงทำให้ไม่เป็นเหมือนครั้งแรกที่แต่งไว้ ทั้งนี้ จึงควรจะปูกรวดให้หนา ไม่ต่ำกว่า 5 เซนติเมตร เพื่อให้กุ้งเครย์ฟิชขุดกลบลำตัวได้ แต่ไม่ควรปูพื้นตู้ด้วยทราย เพราะมีความหนาแน่นสูง หากกุ้งเครย์ฟิชมุดลงไปแล้วอาจทำให้ขาดอากาศหายใจได้

ผู้เลี้ยงไม่จำเป็นที่จะต้องติดตั้งปั๊มออกซิเจนในตู้เลี้ยงก็สามารถทำได้หากเลี้ยงจำนวนน้อย แต่หากต้องการจะติดตั้งเครื่องปั๊มออกซิเจนก็ปล่อยอากาศให้น้ำกระเพื่อมเบาๆ ก็พอ ส่วนระบบกรองน้ำ ควรใช้ชนิดกรองบน กรองแขวน หรืออาจจะใช้กรองฟองน้ำที่เป็นตุ้มก็เพียงพอ แต่ไม่ควรใช้ชนิดกรองใต้ตู้ เพราะกุ้งเครย์ฟิชมักจะขุดกรวดขึ้นมา

อุณหภูมิของน้ำที่เหมาะสมในการ เลี้ยงกุ้งเครย์ฟิช คือ ประมาณ 23-28 องศาเซลเซียส ค่าพีเอช ที่เหมาะสมคือ ประมาณ 7.5-10.5 แต่หากน้ำมีความกระด้างสูง ก็สามารถใส่เกลือลงไปในตู้ได้ เพื่อเป็นการปรับสภาพน้ำ นอกจากนี้ เกลือยังช่วยเสริมแร่ธาตุที่มีความจำเป็นต่อการลอกคราบและสร้างเปลือกใหม่ ด้วย สำหรับการเปลี่ยนถ่ายน้ำ ควรจะเปลี่ยนถ่ายน้ำบ่อยๆ แต่ทีละน้อย เพื่อป้องกันอุณหภูมิเปลี่ยนฉับพลัน และน้ำที่ใช้ควรเป็นน้ำสะอาด

กุ้งเครย์ฟิช สามารถกินอาหารได้เกือบทุกชนิด ไม่ว่าจะเป็นพืชผัก เศษเนื้อสัตว์ หรือให้อาหารเม็ดสำเร็จรูปชนิดจมก็ได้ เพื่อความสะดวก แต่ไม่ควรให้อาหารบ่อย 2-3 วัน ให้ครั้งหนึ่งก็พอ และควรให้น้อยๆ แต่พอดี เพื่อป้องกันการตกค้างของอาหาร ซึ่งจะทำให้น้ำเน่าเสีย ส่งผลต่อการเกิดโรคได้ และควรให้อาหารในเวลากลางคืน เพราะตามธรรมชาติ กุ้งเครย์ฟิชเป็นสัตว์ที่หาอาหารกินในเวลากลางคืน

สำหรับการเพาะพันธุ์กุ้งเครย์ฟิชนั้นไม่ยาก เพราะสามารถผสมพันธุ์ได้ตลอดทั้งปี และสามารถขยายพันธุ์ได้ง่าย เพียงนำกุ้งเครย์ฟิชตัวผู้กับตัวเมียมาปล่อยรวมกัน แต่ต้องมั่นใจว่าเป็นตัวผู้กับตัวเมีย โดยสังเกตที่อวัยวะสืบพันธุ์ตรงช่วงขาเดิน กุ้งตัวผู้มีอวัยวะคล้ายตะขอบริเวณขาเดินคู่ที่สองและสาม ซึ่งตะขอนี้เอาไว้เกาะตัวเมียตอนผสมพันธุ์ ส่วนตัวเมียจะมีอวัยวะสืบพันธุ์เป็นแผ่นทรงวงรีบริเวณขาเดินคู่ที่ 3

222

888

3

กุ้งเครย์ฟิช ใช้เวลาผสมพันธุ์นานกว่า 10 นาที หลังจากนั้นสามารถย้ายกุ้งตัวเมียไปยังตู้อนุบาลได้ เพื่อเป็นการเตรียมที่อยู่สำหรับลูกกุ้ง หลังจากนั้น ตัวเมียจะทยอยผลิตไข่ขึ้นมาไว้บริเวณขาว่ายน้ำเป็นกระจุก มองคล้ายพวงองุ่น หลังจากที่ไข่ได้รับการปฏิสนธิแล้วตัวเมียจะหาที่หลบซ่อนนอนนิ่งไม่ยอมกิน อะไร ระยะเวลาที่ตัวอ่อนใช้ในการพัฒนารูปร่างนั้นจะขึ้นอยู่กับอุณหภูมิ ปริมาณอาหาร และคุณภาพน้ำด้วย โดยเฉลี่ยไข่จะพัฒนาจนเป็นตัวอ่อนเหมือนโตเต็มวัยภายใน 3-4 สัปดาห์ หลังจากนั้น ลูกกุ้งจะถูกปล่อยให้ว่ายน้ำเป็นอิสระ ในการผสมพันธุ์แต่ละครั้งแม่กุ้งสามารถให้กุ้งได้มากถึง 300 ตัว ซึ่งพ่อแม่กุ้งไม่มีพฤติกรรมกินลูกกุ้งเป็นอาหาร และลูกกุ้งก็จะอยู่ไม่ห่างพ่อแม่นัก เพื่อคอยเก็บเศษอาหารที่เหลือจากพ่อแม่กินเป็นอาหารนั่นเอง

111

ตัวอ่อนของกุ้งเครย์ฟิช มีขนาดประมาณ 2-3 มิลลิเมตร โดยจะกินเศษอาหารก้นตู้เป็นหลัก สามารถให้ไส้เดือนฝอย ไรทะเล เป็นอาหารเสริมได้ แต่ควรระวังเรื่องคุณภาพน้ำด้วย อย่าปล่อยเศษอาหารเหลือทิ้งจนเน่าเสีย ซึ่งควรให้อาหารให้เพียงพอ เพราะตัวอ่อนจะมีพฤติกรรมกินกันเอง

ตู้อนุบาลตัวอ่อนควรมีพื้นที่ และวัสดุหลบซ่อน โดยเฉพาะกระถางต้นไม้ เพราะในช่วงเดือนแรก ลูกกุ้งจะลอกคราบบ่อย ทำให้ลำตัวอ่อนนิ่ม และมีเปอร์เซ็นต์ถูกกินเป็นอาหารมากขึ้น เมื่อลูกกุ้งมีอายุประมาณ 1 เดือน จะเริ่มมีสีสันเหมือนตัวโตเต็มวัย

การลอกคราบเป็นขั้นตอนที่สำคัญใน การเจริญเติบโตของกุ้งเครย์ฟิช เพราะแสดงถึงขนาดลำตัวที่โตมากขึ้น ซึ่งลูกกุ้งจะลอกคราบเดือนละครั้ง โดยมีระยะห่างในการลอกคราบแต่ละครั้งจะยาวนานขึ้นเมื่อกุ้งเจริญเติบโตขึ้น และเมื่อกุ้งเครย์ฟิชโตเต็มที่จะลอกคราบเพียงปีละครั้งเท่านั้น ในการลอกคราบแต่ละครั้ง กุ้งเครย์ฟิชจะมีลำตัวนิ่มและอ่อนแอมาก จึงต้องหาที่ปลอดภัยสำหรับหลบซ่อนและค่อนข้างอยู่นิ่งๆ ประมาณ 2-3 วัน จนกว่าเปลือกจะแข็งเป็นปกติ

SONY DSC

อย่างไรก็ตาม หากเห็นว่ากุ้งเครย์ฟิชกำลังลอกคราบ ไม่ควรรบกวน เพราะอาจทำลายความต่อเนื่องของกระบวนการลอกคราบได้ หากกุ้งเครย์ฟิชตกใจอาจทำให้การลอกคราบไม่สมบูรณ์เต็มที่ โดยชิ้นส่วนของเปลือกชุดเก่ายังติดอยู่บริเวณก้าม ในขณะที่เปลือกชุดใหม่เริ่มแข็งตัว อาจทำให้เกิดความผิดปกติได้ อาทิ มีเปลือกสองชั้นทับกัน หรือก้ามบิดเบี้ยวผิดรูปได้

ที่มา farmthailand.com

เทคนิคการเลี้ยงกุ้งเครฟิช กุ้งสี กุ้งก้ามแดง หรือกุ้งล๊อบสเตอร์น้ำจืด เลี้ยงง่าย กำไรงาม

การเลี้ยงกุ้งเครฟิช ( Crayfish )

1

กุ้งเครฟิชคืออะไร

กุ้งเครฟิช หมายถึงกุ้งมังกรหรือล็อบเตอร์น้ำจืด ( Fresh–water lobster ) เป็นคนละชนิดกับกุ้งมังกรหรือ ล็อบเตอร์น้ำเค็ม
เครฟิช จะมีเปลือกหนาเป็นชุดเกราะคลุมส่วนหัว-อกและลำตัว ส่วนขา  มี 2 ประเภทคือขาเดินและขาว่ายน้ำ สำหรับขาเดินจะมี 5 คู่ด้วยกัน ขาเดินคู่แรกสุดเป็นก้ามที่แข็งแรงใหญ่ไว้ป้องกันตัวและต่อสู้  ส่วนขาว่ายน้ำนั้นจะเป็นแผ่นแบนๆ

ถิ่นที่อยู่ในธรรมชาติ
กุ้งเครฟิช มีถิ่นกำเนิดในทวีปอเมริกาเหนือ ยุโรป เอเซียตะวันออก และออสเตรเลีย ปัจจุบันมีการค้นพบมากกว่า500 ชนิดแล้ว โดยมากกว่าครึ่งมีถิ่นกำเนิดในทวีปอเมริกาเหนือ ในธรรมชาติกุ้งเครฟิชจะอาศัยอยู่ตามโขดหินหรือใต้ขอนไม้อยู่ในทั้งลำธาร หนองน้ำ และทะเลสาป
กุ้งเครฟิชในโลก แบ่งออกเป็นหลายตระกูล ( Genus)  แต่ในที่นี้เราจะขอจำแนกกลุ่มของเครฟิชที่มีในบ้านเราออกเป็น  3 สาย  เพื่อจะได้เข้าใจง่าย ดังนี้
สายที่ 1 คือ Procambarus.  บ้านเรานิยมเรียกกุ้งสาย พี.  ที่ฟาร์มเรียก กุ้งก้ามหนาม แม่ค้าเรียกกุ้งสี  ที่มีถิ่นกำเนิดในทวีปอเมริกาและยุโรป
สายที่ 2 คือ Cherax. บ้านเรานิยมเรียกกุ้งสาย ซี. หรือกุ้งก้ามเรียบ ที่ฟาร์มเรียก กุ้งป่า เพราะส่วนมากจับมาและมีถิ่นกำเนิดในโซน ออสเตรเลีย ปาปัวนิวกินี และอินโดนีเซีย
สายที่ 3 คือ Cambarellus.  บ้านเราเรียกกุ้งเครแคระ  เพราะมีขนาดเล็ก 3-4 ซม.

หลักการเลี้ยงกุ้งเครฟิช
กุ้งเครฟิชมีหลักการเลี้ยงที่คล้ายคลึงกัน ซึ่งก็คือดัดแปลงมาจากอุปนิสัยและการอยู่อาศัยของมันเองคือ
1.โดยธรรมชาติ กุ้งทุกชนิดชอบออกหากินในเวลาคืน ไม่ชอบแสง ดังนั้นกลางวันอาจจะนอนหรือหลบทั้งวัน  จึงต้องการที่หลบซ่อนและปิดบังจุดที่กุ้งจะปีนหลบหนีได้  ยกเว้นกุ้งที่ได้รับการเพาะเลี้ยงในบ้านเราจะคุ้นเคยกับการเลี้ยงและฝึกอาหาร
2.มีก้ามเป็นอาวุธไว้ต่อสู้ป้องกันตัวเอง กุ้งตัวผู้จะมีขนาดของก้ามที่ใหญ่โตสง่างาม  สีสรรสวยงามและแข็งแรงกว่ากุ้งตัวเมีย
3. กุ้งอ่อนแอที่สุดเวลาลอกคราบ  มักจะถูกรุมทำร้ายหรือจับกิน  ดังนั้นอาหารต้องพอเพียง  ตู้ต้องกว้างเพียงพอและมีที่หลบซ่อนที่ปลอดภัย
4.กุ้งแยกกันกินแยกกันอยู่หรืออาจจับคู่ในระยะสั้นๆ จึงไม่ควรเลี้ยงปนกันหลายตัวในที่แคบๆ ส่วนมากจะกุ้งจะไม่จำว่าเป็นคู่ของมัน ถ้าหิวหรือลอกคราบอาจทำร้ายกันได้เสมอ
          
ตู้เลี้ยงและอ่างเลี้ยงกุ้ง
1.เราสามารถเลี้ยงกุ้งเครฟิช ในภาชนะใดๆก็ได้ ที่มีการถ่ายเทน้ำที่ดี  ไม่ร้อนเกินไป อุณหภูมิน้ำ ประมาณ  23 -28 องศา  อาจจะเป็นครึ่งบกครึ่งน้ำก็ได้  น้ำครึ่งตู้ น้ำเต็มตู้ก็ได้ หากจะเลี้ยงหลายๆตัวแต่ต้องกว้างขวางเพียงพอ  กุ้งใหญ่ขนาด 3-4 นิ้ว 1 ตัว ใช้พื้นที่อย่างน้อย 1  ฟุต
2.ถ้าจะเลี้ยงหลายตัวควรเลือกเลี้ยงกุ้ง สายเดียวกัน ไซซ์ไล่เลียกัน เพื่อให้มันสามารถปกป้องตัวเองได้  มิเช่นนั้นกุ้งตัวเล็ก มักจะถูกรังแกและมีโอกาสที่จะถูกจับกิน
3.ที่หลบซ่อนใช้ขอนไม้ กระถางดินเผา กระถางต้นไม้แตกๆ อุปกรณ์ที่เจาะเป็นโพรง หรือท่อพีวีซีตัด เป็นท่อนๆให้กุ้งหลบอาศัยในเวลากลางวัน กุ้งใหญ่
4.ปิดฝาหรือจุดที่กุ้งจะปีนหนีได้
2
วัสดุปูรองพื้น
การเลี้ยงกุ้งเครฟิช ในตู้ เพื่อความสวยงามควรปูหินกรวดเล็ก รองพื้นตู้ ซึ่งมีมีประโยขน์ต่อกุ้งหลายประการคือ
1.ทำให้กุ้ง ไม่ตื่นตกใจ และมีสรรสวยงามมากขึ้น กุ้งสามารถปรับตัวตามสิ่งแวดล้อมได้ ถ้าเน้นหินสีดำหรือน้ำตาล จะทำให้กุ้งมีสีเข้มขึ้น
2.กุ้งป่า ส่วนมากจะขุด กรวดหิน เป็นที่หลบซ่อน
3.หินกรวดช่วยดูดซับตะกอนและเศษอาหาร  ทำให้น้ำในตู้ใสอยู่เสมอ

การให้อากาศและระบบกรองน้ำ
ถ้าเราเลี้ยงกุ้งแค่ตัวเดียว  และมีพื้นที่กว้างและดูแลน้ำได้ดี  ไม่จำเป็นต้องมีเครื่องให้อากาศก็ได้
แต่ในระบบตู้เลี้ยง ซึ่งเน้นความสวยงาม  และเลี้ยงกุ้งหลายตัว หรือ กั้นตู้  การให้อากาศยังจำเป้นอยู่มาก  แต่กุ้งใช้อากาศน้อยกว่าปลา  สามารถใช้หัวทรายจุ่มลงในน้ำ  3-4 นิ้ว กันฟุ้ง  หรือใช้กรองในตู้  กรองแขวน กรองกล่องได้  ยกเว้นกรองแผ่นพื้นจะโดนกุ้งขุด และกรองฟองน้ำอาจโดนกุ้งแทะเล่น

น้ำ
อุณหภูมิของน้ำที่เหมาะสมในการเลี้ยงCrayfish คือช่วง 23-28 องศาเซลเซียล ค่าPHที่เหมาะสมคือประมาณ PH7.5 – 8.5ที่มีความกระด้างสูง ผู้เลี้ยงสามารถใส่เกลือลงไปในตู้ได้เล็กน้อย เกลือยังช่วยเสริมแร่ธาตุที่มีความจำเป็นต่อการลอกคราบและสร้างเปลือกใหม่ด้วย สำหรับการเปลี่ยนถ่ายน้ำ ผู้เลี้ยงควรจะเปลี่ยนถ่ายน้ำ  สัปดาห์ละครั้ง ประมาณ 30 -50 %ขึ้นอยู่กับการเลี้ยงและการให้อาหาร  แต่ควรปรับอุณหภูมิน้ำให้ดี

อาหารการกิน
กุ้งเครฟิช  กินอาหารได้แทบทุกชนิด นิสัยของกุ้งจะกินอาหารได้ทั้งวัน แต่ในธรรมชาติมันจะกินอาหารประเภทพืชผัก รากไม้ ใบไม้ ผลไม้เป็นหลัก ในที่ เลี้ยงผู้เลี้ยงสามารถให้ ข้าวโพด มันฝรั่ง ถั่วลันเตา ฟักทอง แอปเปิ้ลได้ พรรณไม้น้ำที่ใช้ตกแต่งตู้อาจโดนรื้อทึ้งเป็นอาหารได้  อาหารประเภทเนื้อสัตว์ เช่น เนื้อ ไก่ เนื้อหมู เนื้อปลา เนื้อกุ้งทะเลหรือกุ้งฝอยหั่นชิ้นเล็กๆได้ ถ้าให้ง่ายยิ่งไปกว่านั้นอาหารเม็ดสำเร็จรูปชนิดจมสูตรต่างๆ
3
การเลี้ยงรวมกับปลาสวยงาม
ถึงแม้ว่าในธรรมชาตินั้นCrayfish จะเก็บเศษซากพืชซากสัตว์กินเป็นอาหารหลัก แต่ในที่เลี้ยงสถานที่ที่มีอาหารอย่างจำกัดนั้น มันจะจับสิ่งมีชีวิตอื่นๆ กินเป็นอาหาร โดยเฉพาะกุ้งขนาด  1.5 – 2.5 นิ้ว มักจะชอบไล่จับปลากิน ส่วนกุ้งขนาดใหญ่ นิสัยนักล่ามันจะลดลง  หากต้องการเลี้ยงปลากับกุ้งด้วยกันให้ยึดหลักดังนี้
1.ขนาดตู้ ต้องกว้างเพียงพออย่างน้อย 24 นิ้ว น้ำลึกอย่างน้อย 1 ฟุต
2.เลือกชนิดปลาขนาดเล็กที่ว่ายน้ำเร็ว  หรือหากินกลางน้ำ ปลาที่ว่ายน้ำช้า ปลาที่มีครีบยาวๆ ปลาที่มีนิสัยนอนพื้นตู้ ไม่ควรเลี้ยงเด็ดขาด
3.ปลาเทศบาล ที่เลี้ยงได้เช่น ปลาซัคเกอร์ น้ำผึ้ง ปลาจิ้งจก

วิธีการเลือกซื้อ Crayfish
1.เลือกกุ้งที่มีอวัยวะสำคัญต่างๆครบสมบูรณ์คือ ดวงตาและก้ามครบ2 ข้าง ขาเดินครบทั้ง4 คู่
2.มีเปลือกลำตัวแข็ง ไม่อยู่ในช่วงระยะลอกคราบ ซึ่งร่างกายอ่อนแอ
3.เลือกกุ้งที่แข็งแรง มีอาการตอบสนองป้องกันตัวเมื่อถูกรบกวน เช่น การยกก้ามคู่ป้องกันตัวเอง หลบหนีด้วยการดีดลำตัวอย่างว่องไวหรือ พยายามปีนป่ายหนีเมื่อนำมาใส่ภาชนะ
4.เลือกซื้อกุ้งคุณภาพจากร้านและฟาร์มที่ท่านไว้ใจ และสังเกตจากสภาพน้ำและภาชนะที่วางขาย
5.กรณีที่เป็นกุ้งนำเข้าจากต่างประเทศ  ควรได้รับการปรับสภาพ พักและเปลี่ยนถ่ายน้ำแล้วอย่างน้อย 1-2 สัปดาห์ขึ้นไป

ที่มา เรียบเรียงโดย Lobster farm

รวมคำศัพท์โรคและอาการเจ็บป่วยในภาษาอังกฤษ

 😛 “การไม่มีโรคเป็นลาภอันประเสริฐ” 😆 เป็นประโยคอมตะที่ไม่มีวันตาย มันคือสัจธรรมที่แท้จริงในสังคมโลกทุกวันนี้

เพราะถึงแม้เราจะมีเงินท่วมหัว เป็นแสน เป็นล้าน ก็ไม่สามารถซื้อชีวิตอมตะหรือซื้อความมีสุขภาพดีได้เลย

ดังคำที่ว่า สุขภาพดีไม่มีขาย อยากได้ต้องสร้างเอง

แต่เวลาสมมติว่าเราอยู่ต่างประเทศ ไปเที่ยวหรือไปอะไรก็แล้วแต่ ถ้าเจ็บป่วยขึ้นมาแล้วเราจะคุยกะหมอฝรั่งยังไงให้รู้เรื่อง

วันนี้แอดมินเลยหาคำศัพท์ภาษาอังกฤษเกี่ยวกับโรคและการเจ็บป่วยมาฝาก

เผื่อจะเป็นประโยชน์บ้างนะครับ

                          คำศัพท์โรค อาการป่วยในภาษาอังกฤษ

ภาษาอังกฤษ คำอ่าน ความหมาย
gout เกาทฺ โรคเกาต์
hemorrhoids เฮมะรอยดสฺ ริดสีดวงทวาร
piles ไพลสฺ ริดสีดวงทวาร
pneumonia นิวโมเนีย โรคปอดบวม
gastritis แกซไทรซิส โรคกระเพาะอาหารอักเสบ
appendicitis แอพเพนดิไซทิส โรคไส้ติ่งอักเสบ
enteritis เอนเทอไรทิซ โรคลำไส้อักเสบ
food poisoning ฟูด พอยเซินนิง อาหารเป็นพิษ
diarrhea ไดเออะเรีย ท้องร่วง
jaundice จอนดิซ ดีซ่าน
cirrhosis สิโรซิส โรคตับแข็ง
gallstones กอลสโตนสฺ โรคนิ่วในถุงน้ำดี
diabetes ไดอะบีทสฺ โรคเบาหวาน
tonsillitis ทอนซิลลิซิส ต่อมทอนซิลอักเสบ
fever ฟีเวอรฺ ไข้
measles มีเซิล โรคหัด
German measles เจอมัน มีเซิล โรคหัดเยอรมัน
rubella รูเบลลา โรคหัดเยอรมัน
cancer แคนเซอร์ โรคมะเร็ง
chicken pox ชิคเคน พ็อกสฺ อีสุกอีใส
dengue fever เดงกี ฟีเวอรฺ ไข้เลือดออก
heart disease ฮารฺทฺ ดิซีสฺ โรคหัวใจ
whooping cough วูปปิง คอฟ โรคไอกรน
pertussis เพอทัสซิส โรคไอกรน
diphtheria ดิพเธอเรีย โรคคอตีบ
tetanus เททานัส โรคบาดทะยัก
asthmatic แอสแมทิคฺ โรคหอบหืด
sinusitis ไซนัสไซทิซ โรคไซนัสอักเสบ
laryngitis ลาริงไจทิซ โรคกล่องเสียงอักเสบ
stye สตาย โรคตากุ้งยิง
allergy อัลเลอรฺจี ภูมิแพ้
shoulder stiffness โชลเดอ สติฟเนส ไหล่เกร็ง
depression ดีเพรสเชิน โรคซึมเศร้า
athlete’s foot แอธลีทสฺ ฟูท โรคน้ำกัดเท้า /ฮ่องกงฟุต/กลากที่เท้า
impacted tooth อิมแพคเท็ด ทูธ ฟันคุด
mumps มัมพสฺ คางทูม
cold โคลดฺ โรคหวัด,หนาว
constipation คอนสทิเพเชิน อาการท้องผูก
dyspepsia ดิสเพพเซีย อาการอาหารไม่ย่อย
dehydration ดีไฮเดรเชิน อาการที่ร่างกายขาดน้ำ
sprain สเปรน อาการเคล็ด หรือแพลง
heartburn ฮารฺทเบิรฺน อาการจุกเสียดแน่นท้อง
toothache ทูธเอค อาการปวดฟัน
stomachache สตอมัคเอค อาการปวดท้อง
eyestrain อายสเตรน อาการเพลียตา
insomnia อินซอมเนีย อาการนอนไม่หลับ
crick คริคฺ อาการเจ็บตึงกล้ามเนื้อ
sore throat ซอรฺ โธรท อาการเจ็บคอ
stuffy nose สตัฟฟี โนส อาการคัดจมูก
nose bleed โนส บลีด อาการเลือดกำเดาไหล
convulsion คอนวัลเชิน การชักกระตุก
fracture แฟรคเจอ กระดูกร้าว/หัก
broken bone โบรกเคน โบน กระดูกหัก
burn เบิรฺน แผลที่เกิดจากไฟไหม้ น้ำร้อนลวก
blister บลิสเตอ แผลพุพอง
conjunctivitis คอนจังทิไวซิส เยื่อบุตาอักเสบ/ตาแดง
nauseous นอเซียส คลื่นไส้
vomit วอมิทฺ อาเจียน
bleeding บลีดดิง ที่มีเลือดไหล
misshapen มิสเชพเพน ที่ผิดรูปผิดร่าง
bruise บรูซฺ แผลฟกช้ำ
cough คอฟ ไอ
inflamed อินเฟลมดฺ อักเสบ
runny nose รันนี โนส น้ำมูกไหล
phlegm เฟลม เสมหะ
swollen สวอลเลิน บวม
pus พัสฺ หนอง
purulent พูรูเลนทฺ เป็นหนอง
chronic ครอนิค เรื้อรัง
hiccup ฮิคคัพ สะอึก
perspire เพอรฺสไพรฺ เหงื่อออก