iphone 5S ราคาเท่าไหร่ เข้าไทยตอนไหน…? ไปดูคำตอบกันเลยครับ

การรอคอยมันช่างแสนจะยาวนานเหลือเกินสำหรับแฟน ๆ แอปเปิลทั่วโลก หลังจากรอคอยและติดตามทั้งภาพหลุดจากหลายกูรู หลายสำนัก ข่าวลือต่าง ๆ มานานหลายเดือน ล่าสุด แอปเปิลก้ได้ประกาศเปิดตัว iPhone 5S (ไอโฟน 5S) และ iPhone 5C (ไอโฟน 5C) รุ่นราคาถูกเกินจริง อย่างเป็นทางการแล้ว เมื่อช่วงเช้าของวันที่ 10 กันยายน เวลา 10.00 น. ตามเวลาท้องถิ่น ที่สำนักงานใหญ่ของแอปเปิล คูเปอร์ติโน เมืองซานฟรานซิสโก ประเทศสหรัฐอเมริกา
iPhone-5S-1
งานนี้เรียกได้ว่าทำเอาแฟน ๆ ตะลึงไปตาม ๆ กันเพราะข้อมูลทั้งหมดที่ถูกเปิดเผยในงานเปิดตัวเกือบทั้งหมดตรงตามข่าวลือและภาพหลุดต่าง ๆ เปะทุกประการ ไม่รู้จะดีใจหรือเสียใจดี แต่อย่างน้อยคนที่รอคอย iPhone 5S หรือ iPhone รุ่นใหม่ ก็ได้สมหวังกันเสียที เอาล่ะ ถ้าพร้อมแล้วเรามาดูกันว่า iPhone 5S  จะมีอะไรน่าสนใจบ้าง

iPhone 5S สีสันใหม่ สเปคแรงกว่าเดิม พร้อมระบบสแกนลายนิ้วมือ

iphone-5s-colors-side-625x417

iPhone 5S
iphone_5s_5c
iPhone 5S-5c

ดูเหมือนครั้งนี้สาวกแอปเปิลจะถูกตอบสนองนวัตกรรมใหม่ได้สมดั่งใจแล้ว เมื่อแอปเปิลเปิดตัว iPhone 5S ที่มาพร้อมดีไซน์ตัวเครื่องเหมือนกับ iPhone 5แต่เพิ่มสีสันใหม่อีก 2 สี ได้แก่ สีเงินและสีทอง ที่ช่วยเพิ่มความหรูหรามากขึ้น ส่วนสีดำยังมีเหมือนเดิม ด้านสเปคของ iPhone 5S เรียกได้ว่าจัดมาแบบเต็ม ๆ ใช้ชิป Apple A7 (28nm) ที่เป็นระบบ 64-bit ตัวแรกของโลก ที่มีความเร็วกว่า iPhone ทุกรุ่นถึง 40 เท่า ด้านระบบกราฟิกเร็วขึ้นมากถึง 56 เท่า, แรม 1GB พร้อมแฟลชคู่ Dual LED รวมถึงกล้องที่ปรับปรุงใหม่เพิ่มลูกเล่นอีกมากมาย และไฮไลท์เด็ดของ iPhone 5S ก็คือระบบสแกนลายนิ้วมือที่แอปเปิลเรียกว่า “Touch ID Sensor” ใช้สำหรับปลดล็อกเครื่องและซื้อแอพพลิเคชั่น, เพลง, หนัง ผ่าน App Store และ iTunes Store ได้ 

iphone-5s-june-2

สเปคเบื้องต้นของ iPhone 5S 

 ระบบปฏิบัติการ iOS 7 ของ iPhone 5S
 หน้าจอขนาด 4 นิ้ว ความละเอียด 640 x 1136 พิกเซล (326ppi)
 ซีพียู Apple A7 รองรับการประมวลผลแบบ 64-bit
 ชิปประมวล Apple M7 motion ที่รวมเซ็นเซอร์ต่าง ๆ มาไว้ในตัวเดียวกันทั้ง accelerometer, gyroscope และเข็มทิศ
 ระบบสแกนลายนิ้วมือ ใช้สำหรับปลดล็อกเครื่อง, ซื้อแอพฯ ต่าง ๆ
 รองรับ OpenGL|ES 3.0
 กล้องด้านหลัง iSight ใช้เซ็นเซอร์ขนาดใหญ่กว่าเดิม แต่ความละเอียด 8 เมกะพิกเซลเท่าเดิม ชุดเลนส์ใหม่ที่แอปเปิลออกแบบเอง 5 ชิ้น รูรับแสงกว้างสุด f/2.2 และใช้แฟลช LED คู่แบบแสงเย็นและแสงอุ่น ช่วยให้การถ่ายรูปเมื่อเปิดแฟลชภาพที่ได้ดูเป็นธรรมชาติมากขึ้น และถ่ายภาพกลางคืนได้ดีขึ้น
 กล้องด้านหน้า 1.2 เมกะพิกเซล รูรับแสง f/2.4
 รองรับการถ่ายวิดีโอแบบ Slow Motion 120 เฟรมต่อวินาที ความละเอียด 720p
 ถ่ายภาพรัว 10 ภาพต่อวินาที และสามารถเลือกภาพที่ดีที่สุดได้
 ถ่ายภาพพาโนรามาความละเอียด 28 เมกะพิกเซล
 แบตเตอรี่อึดขึ้นกว่าเดิม 10% รองรับ Standby ได้ 250 ชั่วโมง (เดิม 225 ชั่วโมง) ใช้งานผ่าน 3G/LTE ได้ต่อเนื่อง 10 ชั่วโมง

แล้ว iPhone 5S ราคาเท่าไหร่ เข้าไทยตอนไหน…? ไปดูคำตอบกันเลยครับ

สำหรับราคาขายครั้งนี้ iPhone 5S ที่ถือเป็นสเปกสูงสุดและมาแทนที่ iPhone 5 ถูกกำหนดราคาทั้งในสิงคโปร์และฮ่องกงเท่ากับเมื่อตอนเปิดตัว iPhone 5 ฉะนั้นราคาในไทยก็คงไม่เปลี่ยนไปจากเดิมมากนัก

  • iPhone 5S 16GB เครื่องศูนย์ 24,900 (+/-), Apple Store 22,900
  • iPhone 5S 32GB เครื่องศูนย์ 27,900 (+/-), Apple Store 26,500
  • iPhone 5S 64GB เครื่องศูนย์ 30,900 (+/-), Apple Store 29,900

โดย iPhone 5S จะเปิดให้สั่งจองผ่าน Apple Store Online วันที่ 13 กันยายนนี้ และจะเริ่มวางจำหน่ายอีก 9 ประเทศในวันที่ 20 กันยายน ได้แก่ สหรัฐอเมริกา, ออสเตรเลีย, แคนาดา, จีน, ฝรั่งเศส, เยอรมนี, ญี่ปุ่น, สิงคโปร์, และสหราชอาณาจักร และอีก 100 ประเทศในเดือนธันวาคมนี้ ส่วนประเทสไทยคงต้องรอปลายปีนู่นแหละครับ

สรุปก็คือ ไอโฟน 5เอส ของแอปเปิลที่นำมาเปิดตัวครั้งนี้ เป็นการพัฒนาของเก่าให้ทันสมัยยิ่งขึ้น และราคาก็ไม่ไกลจากเดิมมากนัก ทั้งนี้ ก็เพื่อให้สอดรับกับการเปลี่ยนแปลงของตลาดสมาร์ทโฟน ซึ่งตอนนี้มีขนาดใหญ่ขึ้นมาก โดยนายทิม คุ๊ก มั่นใจว่า ไอโฟน 2 รุ่นนี้ของแอปเปิ้ล จะมียอดสั่งซื้อเข้ามาราว 700 ล้านเครื่องในเดือนหน้า

นักวิเคราะห์กล่าวว่า การเปิดตัวไอโฟน 5เอส  ของแอปเปิลครั้งนี้ เห็นได้ชัดว่าแอปเปิลต้องการที่จะแย่งส่วนแบ่งตลาดสมาร์ทโฟนในตลาดใหญ่ๆ อย่างเช่นตลาดอินเดียและจีนคืนจากคู่แข่งรายใหญ่อย่างเช่นซัมซุง และหัวเว่ย แต่จะแย่งได้หรือเปล่า คงต้องลุ้นกันต่อไป.

ยาหมอสั่ง เพลงลูกทุ่งสนุกๆ ที่สะท้อนมุมมองการให้บริการสาธารณสุขได้อย่างมีความสุข

ยาหมอสั่ง เป็นเพลงลูกทุ่งที่ผมฟังครั้งแรกแล้วต่อมเอ๊ะทำงานขึ้นมาทันที ว่าเพลงนี้มันชื่ออะไร

พอมีโอกาสก็รีบไปค้นนกูเกิ้ลดู แล้วลองฟังอีกหลายรอบ ก็รู้สึกสนุกสนานไปกับเนื้อเพลงและท่วงทำนอง

พร้อมทั้งเนื้อเสียงของศิลปินที่ถ่ายทอดออกมาได้อย่างน่ารัก สดใสปนฮานิดๆ(เยอะเลยละ)

ที่สำคัญ ผมคงต้องซ้อมร้องไว้ให้ อสม.ได้เต้น ได้ฮากันละคราวนี้

อ่านเพิ่มเติม “ยาหมอสั่ง เพลงลูกทุ่งสนุกๆ ที่สะท้อนมุมมองการให้บริการสาธารณสุขได้อย่างมีความสุข”

บุญข้าวประดับดิน แรม 14 ค่ำ เดือน 9 ประเพณี บุญเดือนเก้า ชาวอีสาน

บุญข้าวประดับดิน วันแรม 14 ค่ำ เดือนเก้า  ประเพณี บุญเดือนเก้า อีสาน

อีกหนึ่ง ประเพณีอีสาน ที ชุมชนบ้านนาคูได้ ปฎิบัติ สืบต่อกันมา กันมานมนาน เป็นบุญที่ทำเพื่ออุทิศส่วนกุศลให้แก่ เปรต (ชาวอีสานบางถิ่นเรียก เผต) หรือญาติมิตรที่ตายไปแล้ว ข้าวประดับดิน ได้แก่ ข้าวและอาหารคาวหวาน พร้อมหมากพลู บุหรี่ที่ห่อด้วยใบตอง กล้วย นำไปวางไว้ตามใต้ต้นไม้ แขวนไว้ตามกิ่งไม้ ตามบริเวณกำแพงวัดบ้าง (คนอีสานโบราณเรียกกำแพงวัดว่า ต้ายวัด) หรือวางไว้ตามพื้นดิน เรียกว่า “ห่อข้าวน้อย” พร้อมกับเชิญวิญญาณของญาติมิตร นำภัตตาหารไปถวายแด่พระภิกษุ สามเณร แล้วอุทิศส่วนกุศลแก่ผู้ตาย โดยหยาดน้ำ (กรวดน้ำ) ไปให้ด้วย
ข้าวประดับดิน
ข้าวประดับดิน-4

 

ประเพณีบุญข้าวประดับดินนี้ นอกจากจะเป็นการอุทิศส่วนกุศลให้บรรพบุรุษและผีไร้ ญาติตามความเชื่อแล้ว ถือว่าเป็นการให้ทานแก่ผู้ยากไร้รวมทั้งสัตว์ที่ไม่มีเจ้าของ ที่ต้องหิว อดมื้อกินมื้อมาตลอดทั้งปีด้วย เพราะการที่ตั้งอาหารไว้ที่พื้นทำให้สัตว์เหล่านั้นสามารถเข้ามากินอาหารได้ อย่างเต็มที่ ทุกวันนี้คนเราส่วนมากมักนึกถึงแต่เรื่องของตนเองเป็นสำคัญ การมีงานบุญงานประเพณี อย่าง บุญห่อข้าวประดับดิน จะช่วยกระตุ้นเตือนให้เราได้นึกถึงผู้อื่นบ้าง จึงน่าจะถือได้ว่าเป็นวันแห่งการชำระล้างความเห็นแก่ตัวออกไปจากจิตใจด้วย

ข้าวประดับดิน-2

ข้าวประดับดิน-3

ความเป็นมาประเพณีบุญข้าวประดับดิน
โบราณท่านเขียนไว้ในหนังสือฉลอง ความว่า “ครั้งที่มหาโมคคัลลาน์แทรกแผ่นดินลงไปเยือนนรก ซึ่งเขากำลังเสวยกรรมอยู่ในแดนต่างๆ พอท่านไปถึงก็บันดาลให้ไฟนรกดับ สัตว์นรกก็ไม่ได้เสวยกรรม พอท่านจะกลับมายังโลกมนุษย์พวกสัตว์นรกได้สั่งท่านให้มาบอกญาติพี่น้องทาง โลกได้ทราบ และทำทานอุทิศส่วนกุศลไปให้บ้าง เมื่อพระโมคคัลลาน์กลับมาถึงชมพูทวีปก็ประกาศข่าวนี้ให้ประชาชนทราบ ซึ่งวันนั้นตรงกับวันดับเดือนเก้า (วันแรม 15 ค่ำ) จึงถือเอาวันดังกล่าวเป็นวันทำบุญข้าวประดับดิน

ข้าวประดับดิน-5

ข้าวประดับดิน-6

อีกตำนานก็เล่าว่า มีเรื่องเล่าไว้ในพระธรรมบทว่าญาติของพระเจ้าพิมพิสารกินของสงฆ์เมื่อตาย แล้วไปเกิดในนรก ครั้นพระเจ้าพิมพิสารถวายทานแด่พระพุทธเจ้าแล้วมิได้อุทิศให้ญาติที่ตาย กลางคืนพวกญาติที่ตายมาแสดงตัวเปล่งเสียงน่ากลัวให้ปรากฏใกล้พระราชนิเวศน์ รุ่งเช้าได้เสด็จไปทูลถามพระพุทธเจ้า พระพุทธองค์ทูลเหตุุให้ทราบ พระเจ้าพิมพิสารจึงถวายทานอีกแล้วอุทิศส่วนกุศลไปให้ญาติที่ตายไปจึงได้รับ ส่วน กุศลการทำบุญข้าวประดับดิน ทำเพื่ออุทิศส่วนกุศลแก่ญาติผู้ตายแล้ว ถือเป็นประเพณี ที่ต้องทำเป็นประจำทุกปี

ข้าวประดับดิน-7

ข้าวประดับดิน-8

ข้าวประดับดิน-9

ประเพณีบุญข้าวประดับดินหรือบุญเดือนเก้า ที่จำเพาะต้องเป็นเดือนนี้ เนื่องจาก เป็นช่วงกึ่งกลางฤดูฝนพอดี เป็นช่วงเวลา ที่ข้าวปลาอาหาร อุดมสมบูรณ์ที่สุด น้ำในแม่น้ำลำคลอง ก็เต็มตลิ่ง เกาะแก่งกลางน้ำหายไป เพราะน้ำท่วมมิด ช่วงเวลาที่ดูเหมือนจะสมบูรณ์เช่นนี้ ทำให้ลูกหลาน ระลึกถึงพระคุณ ของบรรพบุรุษ และคิดตอบแทนบ้าง ซึ่งในบุญเดือนเก้านี้ถือกันว่า ผีเครือญาติ ที่ยังไม่หมดกรรม จะได้รับการปลดปล่อย ให้กลับมาเยี่ยมโลกมนุษย์อีกครั้ง พร้อมทั้งรับส่วนบุญที่ลูกหลานอุทิศให้

กฏหมายไม่จำหน่ายบุหรี่แก่เยาวชน

รู้กฎหมายไม่จำหน่ายบุหรี่แก่เยาวชน

สมาคมการค้ายาสูบไทยร่วมรณรงค์ป้องกันเยาวชนจากการสูบบุหรี่ โดยส่งเสริมให้สมาชิกร้านค้าปลีกปฏิบัติตามกฎหมายไม่จำหน่ายบุหรี่ให้กับเด็กอายุต่ำกว่า 18 ปี ด้วยการแจกคู่มือปฏิบัติสำหรับผู้ค้าปลีกบุหรี่เพื่อให้คำแนะนำและให้ความรู้ด้านกฏหมายและบทลงโทษที่เกี่ยวข้องกับการขายบุหรี่ให้แก่ผู้ที่มีอายุไม่ครบ 18 ปีบริบูรณ์

bbbb

สิ่งที่ควรปฏิบัติ

  • ขายบุหรี่ให้กับผู้ใหญ่เท่านั้น
  • ขอดูบัตรประชาชนเมื่อคุณไม่แน่ใจว่าลูกค้ามีอายุเท่าไหร่
  • อ้างถึงกฏหมาย* เมื่อลูกค้ามีคำถามหรือข้อสงสัยเกี่ยวกับการขายบุหรี่ให้เด็ก
  • ปฏิบัติกับลูกค้าทุกคนด้วยความสุภาพ แม้ว่าลูกค้าจะรู้สึกไม่พอใจเมื่อคุณไม่ขายบุหรี่
  • หากมีปัญหาหรือข้อสงสัย ขอคำแนะนำจากผู้จัดการร้านหรือเจ้าของร้าน

stop

สิ่งที่ไม่ควรปฏิบัติ

  • ขายบุหรี่ให้กับเด็กที่มาซื้อให้ผู้ใหญ่
  • ขายบุหรี่ให้กับเด็ก แม้จะมีผู้ปกครองหรือผู้ใหญ่โทรศัพท์หรือเขียนข้อความมา
  • ขายบุหรี่ให้กับผู้ที่คุณไม่แน่ใจว่ามีอายุเท่าไหร่
  • ขายบุหรี่ให้กับผู้ที่ไม่มีหลักฐานระบุอายุในกรณีที่คุณสงสัย
  • คาดเดาอายุลูกค้าโดยดูจากรูปลักษณ์ภายนอก

1306549089

กฏหมายและบทกำหนดโทษที่เกี่ยวข้องกับการขายบุหรี่ให้แก่ผู้ที่มีอายุไม่ครบ 18 ปีบริบูรณ์

 

*พระราชบัญญัติควบคุมผลิตภัณฑ์ยาสูบ พ.ศ. 2535

  • มาตรา 4 กำหนดว่า ห้ามมิให้ผู้ใดจำหน่าย ขาย แลกเปลี่ยนหรือให้ผลิตภัณฑ์ยาสูบแก่บุคคลซึ่งตนรู้ว่าผู้ซื้อหรือผู้รับเป็นผู้มีอายุไม่ครบสิบแปดปีบริบูรณ์ หากฝ่าฝืนต้องระวางโทษ ตามมาตรา 17 กล่าวคือ จำคุกไม่เกินหนึ่งเดือน หรือปรับไม่เกินสองพันบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

420

*พระราชบัญญัติคุ้มครองเด็ก พ.ศ. 2546

  • มาตรา 26 (10) กำหนดว่า ภายใต้บังคับบทบัญญัติแห่งกฏหมายอื่น ไม่ว่าเด็กจะยินยอมหรือไม่ ห้ามมิให้ผู้ใดจำหน่าย แลกเปลี่ยนหรือให้สุราหรือบุหรี่แก่เด็ก เว้นแต่การปฏิบัติทางการแพทย์ หากฝ่าฝืนต้องระวางโทษตามมาตรา 78 กล่าวคือ จำคุกไม่เกินสามเดือน หรือทั้งจำทั้งปรับ

ห้ามขายบุหรี่ให้แก่ผู้ที่มีอายุต่ำกว่า 20 ปี สาธารณสุขเตรียมดันกฎหมาย ต่ำกว่า 20 ห้ามซื้อบุหรี่

ห้ามขายบุหรี่ให้แก่ผู้ที่มีอายุต่ำกว่า 20 ปี สาธารณสุขเตรียมดันกฎหมาย ต่ำกว่า 20 ห้ามซื้อบุหรี่

สธ.รุกหนักสกัดบุหรี่ ชง ครม.แก้ พ.ร.บ.ควบคุมผลิตภัณฑ์ยาสูบ เปลี่ยนคำว่า “ยาสูบ” เป็นอะไรก็ตามที่มีนิโคตินเป็นส่วนประกอบ ดักทางหลบเลี่ยงของผู้ผลิต ขยายอายุเด็กซื้อบุหรี่ได้ จาก 18 ปีเป็น 20 ปีขึ้นไป คาดลดจำนวนผู้สูบรายใหม่ 3 ปีได้ 10% เปลี่ยนใช้ “กระดาษมวนบุหรี่ชนิดพิเศษ” ไม่สูบต่อ 2 นาทีดับเองป้องกันไฟไหม้
smoke1
นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวภายหลังเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการควบคุมการบริโภคยาสูบแห่ง ชาติว่า ที่ประชุมเห็นชอบให้มีการแก้ไข พ.ร.บ.ควบคุมผลิตภัณฑ์ยาสูบ พ.ศ.2535 โดยตนจะลงนามเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาในเร็วๆ นี้ สำหรับสาระสำคัญในการแก้ไข ประกอบด้วย เสนอแก้ไขคำนิยามของคำว่า “ผลิตภัณฑ์ยาสูบ” ซึ่งปัจจุบันหมายถึงบุหรี่ทั่วไป แต่จะแก้ไขเป็น “ผลิตภัณฑ์ที่มีสารนิโคตินเป็นส่วนประกอบ” นอกจากนี้จะแก้ไขนิยามคำว่า “ขาย” ให้หมายความรวมถึง “การจำหน่าย จ่ายแจก แลกเปลี่ยน และให้เพื่อประโยชน์ทางการค้า” รวมทั้งแก้ไขนิยามคำว่า “โฆษณา” ให้รวมถึงการสื่อสารทางการตลาดด้วย

นายจุรินทร์กล่าวต่อว่า ยังมีการแก้ไขในประเด็นการขาย จากเดิมที่ห้ามขายให้เด็กอายุต่ำกว่า 18 ปี เป็นห้ามขายให้ผู้ที่มีอายุต่ำกว่า 20 ปี ซึ่งจะทำให้การเข้าถึงหรือซื้อบุหรี่ได้น้อยลง นอกจากนี้ยังห้ามให้ (แจก) บุหรี่ ห้ามขายโดยใช้เครื่องอัตโนมัติ ห้ามขายทางอินเทอร์เน็ต ห้ามแบ่งขาย ห้ามลดราคาเพื่อประโยชน์ในการส่งเสริมการขาย รวมทั้งวิธีการอื่นใดตามที่ สธ.กำหนด ส่วนประเด็นการโฆษณานั้นจะแก้ไขห้ามให้มีการโฆษณาทั้งยี่ห้อและ ชื่อบริษัท ทั้งบุหรี่ที่ผลิตในประเทศและนำเข้าจากต่างประเทศ และห้ามแสดงซองบุหรี่ ณ จุดขายด้วย

Tobacco2

ขณะนี้ร่างกฎหมายดังกล่าวอยู่ระหว่างการทำประชาพิจารณ์ โดยเสร็จสิ้นไปแล้ว 2 ภาค คือ ภาคใต้และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ครั้งต่อไปจะจัดขึ้นในภาคเหนือในวันที่ 17 สิงหาคม 2555 ที่ จ.เชียงราย และภาคกลาง วันที่ 14 กันยายน 2555 ที่ จ.นนทบุรี พร้อมทั้งได้แจ้งเวียนหน่วยงานราชการและผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย สอบถามความคิดเห็นผ่านทางเว็บไซต์ www.tobaccohearing.com เฟซบุ๊กhttp://apps.facebook.com/tobaccohearing และอีเมล์ tobaccohearing@gmail.comส่วนใหญ่ทุกฝ่ายเห็นด้วย โดยจะปรับปรุงแก้ไขร่าง พ.ร.บ.ฉบับนี้ให้สมบูรณ์แบบที่สุด และนำเสนอต่อคณะกรรมการควบคุมการบริโภคยาสูบระดับชาติ หรือ คบยช. และ ครม.พิจารณาต่อไป คาดว่าจะเสร็จสิ้นกระบวนการ สามารถประกาศใช้ในปีหน้า ถือว่าเป็นกฎหมายควบคุมยาสูบชั้นนำระดับโลก
ด้าน ดร.นพ.พรเทพ ศิริวนารังสรรค์ อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า นโยบายป้องกันการแทรกแซงของอุตสาหกรรมยาสูบจะต้องห้ามส่วนราชการทุกหน่วยรับการอุปถัมภ์จากธุรกิจยาสูบ โดยกระทรวงสาธารณสุขได้ออกระเบียบกำหนดให้บริษัทบุหรี่ต้องจัดส่งรายงานประจำปีให้คณะกรรมการควบคุมยาสูบ และออกระเบียบการติดต่อระหว่างเจ้าหน้าที่รัฐกับบริษัทบุหรี่ให้โปร่งใส มีผลบังคับใช้ตั้งแต่ปลายเดือนกุมภาพันธ์ 2555 เป็นต้นมา.
PNSOC560525002000401
รมว.สธ.กล่าวว่า นอกจากนี้จะเสนอให้ ครม.เห็นชอบเพิ่มเติมกฎกระทรวงอีก 2 ประเด็น คือ 1.กฎกระทรวงว่าด้วยบุหรี่ปลอดไฟไหม้ โดยจะมีการบังคับให้บุหรี่ที่ผลิตจากโรงงานในประเทศและนำเข้าใช้ “กระดาษ พิเศษ” ซึ่งตรงนี้ผู้ประกอบการจะไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้น โดยกระดาษมวนบุหรี่ที่ใช้ใหม่นั้น  มีคุณสมบัติพิเศษตรงที่ถ้าไม่สูบจะดับ ได้เองในสองช่วงของบุหรี่หนึ่งมวน คือสมมติว่า จุดบุหรี่หนึ่งมวนทื่ใช้กระดาษพิเศษนี้ ถ้าไม่สูบบุหรี่จะดับเองได้ในช่วงที่หนึ่ง พอจุดบุหรี่เพื่อจะสูบใหม่แล้วปล่อยทิ้งไว้ไม่สูบต่อเนื่อง บุหรี่จะดับเอง ได้ในช่วงที่สอง ซึ่งแตกต่างจากบุหรี่ในปัจจุบัน บุหรี่ก็ไม่ดับจนกว่าจะหมดมวน เป็นการสร้าง ควันบุหรี่มือสอง ดังนั้นการเปลี่ยนมาใช้กระดาษชนิดใหม่นี้จะทำให้ควันบุหรี่มือสองลดลง และลดปัญหาไฟไหม้

“ปัจจุบันมีประเทศที่ผลิตบุหรี่ปลอดไฟไหม้ อาทิ สหรัฐอเมริกา ใช้มาตั้งแต่ปี 2547 และในเดือน ก.ค.ปี 2554 สหรัฐใช้บุหรี่ปลอดไฟไหม้ครบทั้ง 50 รัฐ รวมทั้งประเทศแคนาดา ใช้มาตั้งแต่ปี 2548 ออสเตรเลียใช้ปี 2553 ฟินแลนด์ใช้ปี 2553 และประเทศสหภาพยุโรป 27 ประเทศ ได้รับหลักการหันมาผลิตบุหรี่ปลอดไฟไหม้แล้ว หากมีผลบังคับใช้ได้ ไทยจะเป็นประเทศแรกในเอเชียที่มีบุหรี่ปลอดไฟไหม้ใช้” รมว.สธ.กล่าว

X8973999-125

นายจุรินทร์กล่าวว่า กฎกระทรวงที่จะมีการแก้ไขอีกฉบับคือ ห้ามเติมสารปรุงแต่งในบุหรี่เพื่อจูงใจให้มีผู้สูบเพิ่มขึ้น พบว่า บุหรี่จำนวนมากมีการเติมสารหลายชนิดลงไปเพื่อให้เข้าใจว่าเป็นผลดีต่อ สุขภาพ โดยปัจจุบันมีการลักลอบเติมสารต่างๆ เช่น วิตามินซี กรดอะมิโน กรดผลไม้ กลิ่น หรือรสกาแฟ ช็อกโกแลต เพื่อจูงใจวัยรุ่นและผู้หญิงให้สูบบุหรี่ ทั้งนี้ จะเร่งดำเนินการเสนอ ครม.เพื่อแก้ไขกฎกระทรวงทั้งสองฉบับให้แล้วเสร็จโดยเร็ว และคาดว่าจะสามารถ บังคับใช้ได้ภายใน 4 เดือน แต่จะให้เวลาผู้ผลิตและนำเข้าดำเนินการให้เป็นไปตามกฎกระทรวงใหม่ภายใน 1 ปี นับจากกฎกระทรวงมีผลบังคับใช้ และคาดว่ามาตรการทั้งหมดนี้จะสามารถลดจำนวน ผู้สูบบุหรี่ในปัจจุบัน จากร้อยละ 20 ให้เหลือร้อยละ 10 ในปี 2557

suzuki ertiga รถยนต์เอนกปะสงค์ 7 ที่นั่งราคาโดนใจ

ใครที่กำลังมองหารถคู่ใจเอนกประสงค์ 7 ที่นั่งที่มาพร้อมกับราคาสุดประหยัด ผมขอแนะนำ Suzuki Ertiga

ที่เพิ่งเปิดตัวไปได้ไม่นานครับ รถ MPV 7 ที่นั่ง รถยนต์เอนกประสงค์รุ่นใหม่ล่าสุดจาก ซูซูกิ ที่เปิดตัวไป

เมื่อเดือนมีนาคม 2556 โดยราคาเริ่มต้นเพียง 554,000 บาท

คุณสมบัติที่โดดเด่นของ All New Suzuki Ertiga คือ รถยนต์ขนาดเดียวกับคอมแพคท์คาร์

มีที่นั่ง 3 แถว สามารถนั่งได้ถึง 7 ที่นั่ง รถยนต์คันนี้ออกแบบอย่างลงตัวโดยมีพื้นที่ใช้สอยภายในรถ

ที่กว้างขวางและให้ความสะดวกสบายกับผู้โดยสารรถยนต์ 3 แถว 7 ที่

และด้วยเทคโนโลยีที่หลากหลายจึงทำให้ All New Suzuki Ertiga มีความโดดเด่นกว่า MPV

ใน Segment เดียวกัน

 Suzuki Ertiga ออกแบบโดยพยายามเน้นจุดเด่น 3 จุด ได้แก่

           1.ความสามารถในการทรงตัวและความสามารถในการยึดเกาะถนนของตัวรถ

ด้วยแพลทฟอร์มของตัวรถที่มีน้ำหนักเบาแต่แข็งแรง ความกว้างและยาวของฐานล้อ

ถูกออกแบบให้กว้างและยาวขึ้นเพื่อให้เข้าโค้งได้ค่อนข้างนิ่งพอสมควร         


            2.ความสะดวกสบาย

ซูซูกิออกแบบให้เออร์ติก้ามีเบาะหนานุ่ม นั่งสบาย ยืดหยุ่นรับกับสรีระของผู้นั่งได้ดี

แม้จะเป็นการขับทางไกลใช้ความเร็วสูงก็ยังไม่ถึงกับเมื่อย นอกจากนี้ ยังออกแบบให้สามารถ

ปรับเบาะที่นั่งแถวที่ 2 และแถวที่ 3 ให้ง่ายขึ้นด้วยระบบวันทัช วอล์ก-อิน เพียงการสัมผัสครั้งเดียว

เมื่อดันคันโยกขึ้น พนักเก้าอี้จะเอนตัวลง และเลื่อนมายังด้านหน้าได้ง่าย

ทำให้เข้าถึงที่นั่งแถว 3 ได้อย่างรวดเร็ว นอกจากนี้ยังมีช่องแอร์บนเพดานแถวที่ 2 ถึง 4 ช่อง

แยกปุ่มควบคุมจากจุดนี้ได้เลยทำให้สามารถปรับแอร์ให้กับแถวที่ 2 และ 3 ได้อย่างทั่วถึง           


           3.พื้นที่การใช้งานอเนกประสงค์

เนื่องจากการออกแบบให้ภายในดูกว้าง ปรับเบาะที่นั่งได้หลากหลายรูปแบบ

รองรับทั้งผู้โดยสารและขนของได้หลากหลาย

Suzuki Ertiga

Suzuki Ertiga ใช้เครื่องยนต์ขนาด 1,373 ซีซี กำลังสูงสุด 95 แรงม้าที่ 6,000 รอบต่อนาที

แรงบิดสูงสุด 130 นิวตันเมตร ที่ 4,000 รอบต่อนาที ความเร็วสูงสุดที่ 160 กิโลเมตรต่อชั่วโมง

ระบบจ่ายน้ำมันเป็นแบบหัวฉีดมัลติพอยท์ เอ็มพีไอ สามารถใช้น้ำมัน E20 ได้

ส่วนพวงมาลัยเป็นแบบแร็คแอนด์พิเนียน ควบคุมได้แม่นยำพอใช้ ตามสไตล์รถอเนกประสงค์ทรงค่อนข้างใหญ่

ขณะที่ระบบเบรกหน้าเป็นดิสก์เบรกแบบมีช่องระบายความร้อน ส่วนด้านหลังเป็นดรัมเบรก

แบบฝักนำและฝักตาม ระบบกันสะเทือนหน้าเป็นแบบแม็กเฟอร์สัน สตรัท พร้อมคอยล์สปริง

ระบบกันสะเทือนหลังเป็นทอร์ชั่นบีม พร้อมคอยล์สปริง

 โดย Suzuki Ertiga มีให้เลือกทั้งหมด 3 รุ่น GA (เกียร์ธรรมดา) 554,000 บาท ,

GL (เกียร์ออโต้) 639,000 บาท และ GX (เกียร์ออโต้) 689,000 มีสีให้เลือก 6 สีกับ

ขาว (Pearl White), ฟ้า (Serene Blue Metallic), เงิน (Silky Silver Metallic),

ดำ (Cool Black Pearl Metallic), น้ำตาล (Dusky Brown Metallic) และ เทา (Graphite Grey Pearl Metallic)

Suzuki-Ertiga

 

maruti-ertiga-launch_3_560x420

maruti-ertiga-060111

DSC_0980_resize

All-New-Suzuki-Ertiga-14

All-New-Suzuki-Ertiga-ราคาผ่อน-ราคาดาวน์

 

Suzuki Ertiga

 

Suzuki Ertiga

Suzuki Ertiga

Suzuki Ertiga

Suzuki Ertiga

Suzuki Ertiga

Suzuki Ertiga

Suzuki Ertiga

Suzuki Ertiga

Suzuki Ertiga

Suzuki Ertiga

 

Suzuki Ertiga

Suzuki Ertiga

Suzuki Ertiga

Suzuki Ertiga

Suzuki Ertiga

Suzuki Ertiga

Suzuki Ertiga

Suzuki Ertiga

Suzuki Ertiga

Suzuki Ertiga
Suzuki Ertiga

ขอบคุณข้อมูลจากกระปุกดอทคอม

อัพเดท พระราชบัญญัติควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ พ.ศ. 2551

stopdrink-lent

สธ. ออกกฎเหล็ก 3 ฉบับ! คุมเข้มห้ามขายเหล้าบนทางเท้า-ริมถนน, ห้ามขายในสวนสาธารณะ, ห้ามขายนอกเหนือเวลากำหนด เพิ่มโทษหนัก ทั้งจำ ทั้งปรับ

วันนี้ (12 ธันวาคม) นายแพทย์ประดิษฐ สินธวณรงค์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ให้สัมภาษณ์ภายหลังการประชุมการควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ครั้งที่ 2 ประจำปี 2555 พร้อมตัวแทนจากหน่วยงานต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องว่า ขณะนี้ นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี มีนโยบายส่งเสริมประชาชนให้ลด ละ เลิก การดื่มแอลกอฮอล์ และป้องกันเยาวชนไทยไม่ให้กลายเป็นนักดื่มหน้าใหม่ ซึ่งได้แต่งตั้งผู้แทนจากองค์กรเอกชน 3 องค์กร เพื่อดูแลในเรื่องต่าง ๆ

นอกจากนี้ ในที่ประชุมยังได้พิจารณาและมีมติเห็นชอบการออกกฏหมายอีก 3 ฉบับ คือ ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรีออกตามพระราชบัญญัติควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ พ.ศ. 2551 ได้แก่

 1. กำหนดพื้นที่ห้ามขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์บนทางสาธารณะตามกฎหมายจราจรทางบก ได้แก่ ช่องทางจราจรบนถนน ไหล่ทาง ฟุตปาธ เพราะจะทำให้เกิดอันตรายตามมาทั้งอุบัติเหตุจราจร และการทำร้ายร่างกาย หากฝ่าฝืนมีโทษจำคุกไม่เกิน 6 เดือน และปรับไม่เกิน 10,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

 2. ห้ามขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์นอกเวลาที่กำหนดคือ เวลา 11.00 น. ถึง 14.00 น. และตั้งแต่ 17.00 น. ถึง 24.00 น. ยกเว้นการขายในอาคารท่าอากาศยานนานาชาติ และสถานบริการตามกฎหมายว่าด้วยสถานบริการ จะเพิ่มโทษผู้กระทำผิดทั้งที่มีและไม่มีใบอนุญาตหนักขึ้น จากเดิมปรับเพียง 500 บาท เพิ่มเป็นโทษจำคุกไม่เกิน 6 เดือน และปรับไม่เกิน 10,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

 3. ห้ามขายหรือดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในสวนสาธารณะ ที่จัดไว้เพื่อการพักผ่อนหย่อนใจของประชาชนโดยทั่วไป ซึ่งอยู่ในความดูแลของราชการ ขยายผลถึงรัฐวิสาหกิจและองค์กรอื่นในกำกับภาครัฐด้วย ฝ่าฝืนมีโทษจำคุกไม่เกิน 6 เดือน และปรับไม่เกิน 10,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

ทั้งนี้ จะนำเสนอร่างกฎหมาย 3 ฉบับ ต่อคณะกรรมการนโยบายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์แห่งชาติ ที่มีนางสาวยิ่งลักษณ์ เป็นประธาน เพื่อพิจารณาต่อไปโดยเร็วที่สุด ซึ่งหากได้รับความเห็นชอบจากคณะกรรมการฯ แล้ว ก็สามารถนำเสนอนายกรัฐมนตรีเพื่อลงนามประกาศในราชกิจจานุเบกษา และจะมีผลบังคับใช้ทันที
p86700321553
ขณะที่ สำนักงานคณะกรรมการควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข ได้สำรวจความคิดเห็นของประชาชนทั่วประเทศเกี่ยวกับการรับรู้ข้อกฎหมาย และพฤติกรรมการจำหน่าย และบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ตามที่กฎหมายกำหนด ในหัวข้อ “สถานที่ที่เห็นควรกำหนดเป็นพื้นที่ห้ามขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เพิ่มเติมจาก พ.ร.บ. ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ พ.ศ. 2551” โดยเป็นการสำรวจความคิดเห็นจากกลุ่มตัวอย่างอายุ 11-60 ปี จำนวน 5,000 คนทั่วประเทศ ช่วงเดือน เมษายน-พฤษภาคม พ.ศ. 2555 พบว่า

 ร้อยละ 28 ระบุว่า ป้ายรถเมล์ ฟุตบาท ทางเท้า บนถนน ควรกำหนดเป็นพื้นที่ห้ามขาย
 ร้อยละ 21 ระบุว่า ห้ามไม่ให้ขายเหล้าในรัศมี 500 เมตร รอบสถานศึกษา
 ร้อยละ 15 ระบุว่า ไม่ควรขายในสถานีขนส่ง
 ร้อยละ 12 ระบุว่า ห้ามขายในสถานที่เล่นกีฬา
 ร้อยละ 11 ระบุว่า ห้ามขายในสนามบินร้อยละ
 ร้อยละ 10 ระบุว่า ห้ามขายในสวนสาธารณะเอกชน

พร้อมกันนี้ นายแพทย์ประดิษฐ ยังกล่าวอีกว่า ตนได้สั่งการไปยังนายแพทย์สาธารณสุขทุกจังหวัด ให้ประสานไปยังเจ้าพนักงาน และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ออกตรวจเตือนประชาชนตามพระราชบัญญัติควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ พ.ศ. 2551 ในช่วง 7 วัน อันตราย ระหว่างวันที่ 27 ธันวาคม – 2 มกราคม 2555 ทั้งนี้ หากพบว่ามีการจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ให้กับเด็กอายุ 20 ปี หรือขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในเวลาต้องห้าม หรือขายในลักษณะต้องห้าม เช่น การเร่ขาย การขายแบบลด แลก แจก แถม การขายพ่วงกับสินค้าอื่น การขายโดยวิธีชิงโชคชิงรางวัล เป็นต้น ให้ดำเนินคดีอย่างเด็ดขาดจนถึงที่สุด

2013-09-02_140859 2013-09-02_140836 2013-09-02_140633

ขอบคุณข้อมูลจากกระปุกดอทคอม

lumia 1020 กับโฆษณาตัวใหม่ ไฉไลกว่าเก่า

lumia 1020 กับโฆษณาตัวใหม่ ไฉไลกว่าเก่า

ออกมากัดจิกได้เจ็บจริงๆนะครับ สำหรับค่ายโนเกีย ที่หยิบเอาจุดเด่นของกล้องที่มีความละเอียดสูงมาเป็นจุดขาย

พร้อมกับทำลายคู่แข่งด้านกล้องมือถือซะยับเยิน เห็นโฆษณาแล้วก็อดขำไม่ได้

lumia1020all_large_verge_medium_landscape

เนื้อเรื่องก็เป็นการถ่ายภาพของบรรดาผู้ปกครอง ที่มาถ่ายเด็กๆ ในงานโรงเรียน ซึ่งในบ้านเราก็อาจจะมีเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นในบางโรงเรียน  ซึ่งเมื่อถึงเวลาการแสดงของน้องๆหนูๆ ผู้ปกครองทุกท่านก็ต่างพากันยกมือถือของตัวเองขึ้นมาถ่าย บางรายมียกแท็บเล็ตขึ้นมาถ่ายภาพ ซึ่งขณะถ่าย แต่ละคนก็สาธยายความเทพของตนเอง จนหลายท่านไม่สามารถถ่ายได้ เพราะมันไกลไป จนต้องแย่งกันเข้าไปช่วงชิงพื้นที่ถ่ายภาพ ในขณะที่ชายหญิงสองคนที่นั่งอยู่หลังห้องสุด ไม่ต้องลุกไปไหน ก็สามารถใช้ Nokia Lumia 1020 ถ่ายภาพได้อย่างสบายใจ

อะไรมันจะเทพปานนั้น แต่แค่กล้องชัดอย่างเดียวคงโค่นคู่แข่งได้ยากนะครับ ผมว่า แล้วท่านละ ดูโฆษณาชิ้นนี้แล้วคิดอย่างไร

อุโมงค์พอเพียง ทางลอด(รอด)แห่งความเพียงพอ โดย อสม.บ้านจานพัฒนา ม.9

อุโมงค์พอเพียง ทางลอด(รอด)แห่งความเพียงพอ โดย อสม.บ้านจานพัฒนา ม.9

หยุดยาว3วันช่วงวันแม่ จะไปไหนดีน๊า……”คุณหมอ พาทำอุโมงค์พอเพียงหน่อย”

เสียงแว่วๆมาแต่ไกลของประธาน อสม. ม.9 ต.โนนนาจาน ท่านสุรศักดิ์ สีลา

ว่างๆพอดี ไม่มีโปรแกรม งั้นก็จัดเลยครับ ท่านประธาน ให้ชาวบ้านตัดไม้ ซื้อลวดไว้รอเลย

เดี๋ยวหมออนามัยกับ อสม.จะออกแรงไปช่วย ว่าแต่….อุโมงค์นี่ก็ไม่ได้ทำง่ายนะ ลองดูก่อนละกัน

 

อุโมงค์พอเพียง โดย อสม.โนนนาจาน-3

เริ่มจากคัดลำไม้ไผ่ให้ได้ขนาดไม่ใหญ่เกินไป เอาแบบแก่ๆหน่อย ปลายโค้งได้ยิ่งดี ความยาวก็ตามแต่เราต้องการ ตัดตา(ข้อ)ไม่ไผ่ออกให้หมด

 
อุโมงค์พอเพียง โดย อสม.โนนนาจาน-5

อุโมงค์พอเพียง โดย อสม.โนนนาจาน-6

อุโมงค์พอเพียง โดย อสม.โนนนาจาน-13

จากนั้นฝังหลักยึดเป็นระยะๆ ไม่ห่างเกินไปเพื่อความแข็งแรง

 

อุโมงค์พอเพียง โดย อสม.โนนนาจาน-16

 

อุโมงค์พอเพียง โดย อสม.โนนนาจาน-19

อุโมงค์พอเพียง โดย อสม.โนนนาจาน-22

อุโมงค์พอเพียง โดย อสม.โนนนาจาน-23

อุโมงค์พอเพียง โดย อสม.โนนนาจาน-29

อุโมงค์พอเพียง โดย อสม.โนนนาจาน-30

อุโมงค์พอเพียง โดย อสม.โนนนาจาน-31

มัดด้วยลวดทบกัน 2 ชั้น

 

อุโมงค์พอเพียง โดย อสม.โนนนาจาน-56

อุโมงค์พอเพียง โดย อสม.โนนนาจาน-58

อุโมงค์พอเพียง โดย อสม.โนนนาจาน-60

ฝังหลักไม้ไผ่กับหลักยึด มัดด้วยลวดให้แน่น แล้วโน้มปลายไม้ไผ่ทั้ง 2 ด้านเข้าหากันช้าๆ ระวังไม้หัก แล้วมัดด้วยลวด

อุโมงค์พอเพียง โดย อสม.โนนนาจาน-125

อุโมงค์พอเพียง โดย อสม.โนนนาจาน-121

 

อุโมงค์พอเพียง โดย อสม.โนนนาจาน-69

อุโมงค์พอเพียง โดย อสม.โนนนาจาน-96

อุโมงค์พอเพียง โดย อสม.โนนนาจาน-98

อุโมงค์พอเพียง โดย อสม.โนนนาจาน-100

อุโมงค์พอเพียง โดย อสม.โนนนาจาน-104

อุโมงค์พอเพียง โดย อสม.โนนนาจาน-110

อุโมงค์พอเพียง โดย อสม.โนนนาจาน-114

อุโมงค์พอเพียง โดย อสม.โนนนาจาน-117

อุโมงค์พอเพียง โดย อสม.โนนนาจาน-126

 

อยากจะบอกว่า พี่น้อง อสม. ม.9 บ้านจานพัฒนานี่สุดยอดจริงๆ ออกทำงาน

ทำซุ้มอุโมงค์พอเพียงให้ชาวบ้านในชุมชนตั้งแต่เเปดโมงเช้า ถึง 5 โมงเย็นทุกวัน 3 วัน โดยไม่มีค่าตอบแทนซักบาท

อันนี้เขาเรียกว่าจิตอาสาแท้ๆ

ชาวบ้านก็น่ารักทุกหลังคาเรือน หาน้ำท่า ไม้ไผ่ ซื้อลวด มารอ อสม.ของเราแต่เช้า เที่ยงไหนก็กินข้าวบ้านนั้น

ผมไม่คิดว่าจะเจอบรรยากาศแบบนี้อีก ตั้งแต่สมัยเรียน แต่วันนี้ ประทับใจจริงๆครับ

ขอบคุณพี่ๆทีมงาน อสม. ม.9 บ้านจานพัฒนา ชาวบ้านจาน หมู่9 ที่น่ารักทุกหลังคาเรือนครับ

อีก 3 เดือน ผมจะไปขอเมล็ดบวบหอมสายฟ้าคืน อิอิ

ยา ต้องเลี่ยงในช่วงตั้งครรภ์

สำรวจ “ยา” ต้องเลี่ยงช่วงแม่ท้อง  (Mother & Care)

ก่อนที่เวลาจะเดินหน้าไปถึงจุดหมายปลายทางของการคลอด เชื่อว่าสิ่งต่างๆ ที่จะเข้าสู่ร่างกายย่อมต้องผ่านการคิดแล้วคิดอีกของคุณแม่ โดยเฉพาะเรื่องยา ปกติคุณหมอไม่แนะนำให้กินยาโดยเฉพาะช่วง 3 เดือนแรก เพราะเป็นระยะที่มีการสร้าง และพัฒนาอวัยวะต่างๆ ของร่างกาย ยาบางชนิดอาจไปขัดขวางจนส่งผลร้ายต่อลูกอย่างคาดไม่ถึง อยากรู้ใช่ไหมว่ายาใดบ้างที่ต้องระวังให้ดี เรามีบัญชียาสารพันชนิดที่ส่งผลกับชีวิตลูกมาฝากค่ะ

1287650364

 สำรวจชนิดยา ค้นหาความเสี่ยงภัย 

ยารักษาความดันโลหิต

Nifedipine :  ใช้กรณีที่อาการรุนแรงแล้วใช้ยาอื่นไม่ได้ผล ยาอาจยับยั้งการคลอดได้ ควรหลีกเลี่ยงระยะใกล้คลอด

Enalapril :  ไตรมาส 2-3 ยาอาจทำให้ทารกผิดปกติ มีความดันโลหิตต่ำ รุนแรง ไตทำงานบกพร่อง ควรหลีกเลี่ยง

Atenolol :  ถ้าใช้ในไตรมาสแรกทารกอาจมีภาวะรูท่อปัสสาวะเปิดใต้องคชาติ ถ้าใช้ในไตรมาส 2-3 อาจทำให้น้ำหนักตัวทารกน้อย

Amlodipine :  ยังไม่มีข้อสรุปความปลอดภัย แต่ก็ไม่ควรใช้ในขณะตั้งครรภ์

Propranolol :  การใช้ในไตรมาสที่ 2-3 ทำให้ทารกมีน้ำหนักตัวน้อยควรหลีกเลี่ยง

Verapamil :  หากจำเป็นให้ใช้ได้ แต่ไม่ควรใช้ในระยะใกล้คลอด เพราะยาอาจมีผลคลายกล้ามเนื้อมดลูกได้

ยาขับปัสสาวะและลดความดัน

Acetazolamide :  ยาโรคหัวใจกลุ่มขับปัสสาวะ : ควรหลีกเลี่ยงการใช้ในไตรมาสแรก

Furosemide :  อาจทำให้รูท่อปัสสาวะทารกเปิดใต้องคชาติ ควรหลีกเลี่ยงในไตรมาสแรก

Spironolactone :  ควรหลีกเลี่ยง ยกเว้นผู้ที่มีโรคหัวใจร่วมด้วย

Hydrochlorothiazide (HCTZ) :  แม่อาจเกิดภาวะแทรกซ้อน มีความดันโลหิตต่ำ ทำให้ทารกเกิดภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำได้ ถ้าใช้ในระยะใกล้คลอด อาจทำให้คลอดช้า ควรหลีกเลี่ยง

Amiloride + HCTZ (Moduretic) :  ถ้าใช้ในไตรมาสแรกจะเสี่ยงทารกอาจเสียชีวิตจากการที่แม่มีความดันโลหิตต่ำ ถ้าใช้ระยะใกล้คลอดอาจทำให้มดลูกไม่บีบตัว ทำให้คลอดช้า ไม่ควรใช้

ยาฆ่าเชื้อ

          Chloramphenicol :  แม่ที่ได้รับในระยะท้ายอาจทำให้ลูกเกิดภาวะขาดออกซิเจน ควรระวังการใช้ในขนาดสูง

          Clarithromycin :  งดใช้ถ้าไม่จำเป็นหรือใช้ยาอื่นรักษาเชื้อแบคทีเรียแทน ควรหลีกเลี่ยงในระยะตั้งครรภ์ครั้งแรก

Ciprofloxacin :  อาจทำให้ข้อต่อกระดูกทารกผิดปกติ ควรหลีกเลี่ยงในไตรมาสแรก ใช้ยาอื่นที่ปลอดภัยกว่าแทน

Erythromycin :  ฮอร์โมนในปัสสาวะแม่อาจลดลง ลูกแรกเกิดน้ำหนักน้อย อาจแท้ง ระวังการใช้ไตรมาสแรก

Fluconazole :  ไม่ใช้ต่อเนื่องในไตรมาสแรก อาจทำให้ทารกผิดปกติ แม้ใช้น้อยแล้วเสี่ยงน้อยกว่า แต่ก็ควรระวัง

Norfloxacin และ Ofloxacin : งดใช้ในไตรมาสแรก หรือใช้ยาต้านจุลชีพกลุ่มอื่นที่ปลอดภัยกว่า

Tetracycline :  งดใช้ในช่วงตั้งครรภ์ 5-6 เดือนขึ้นไป เพราะกระดูกและฟันที่กำลังสร้างตัวผิดปกติ ฟันเปลี่ยนสี ทารกพิการแต่กำเนิด และเป็นพิษต่อตับแม่

Metronidazole :  งดใช้ยารักษาโรคติดเชื้อของแม่เพราะอาจทำให้ทารกพิการแต่กำเนิด อาจทำให้แท้งในไตรมาสแรก

Indomethacin :  งดใช้ยารักษาโรคข้อกระดูกอักเสบติดต่อกันนานเกิน 48 ชั่วโมง หรือหลังอายุครรภ์ 34 สัปดาห์ โดยเฉพาะระยะใกล้คลอด เพราะอาจทำให้ทารกผิดปกติ คลอดช้า

PQDrug

ยาลดไข้

          Aspirin :  ไม่ควรใช้ขนาดสูงต่อกันนาน เพราะระบบเลือดแม่ลูกอาจผิดปกติได้ งดใช้ไตรมาส 3 เมื่อใกล้คลอด เพราะจะยับยั้งการทำงานของเกล็ดเลือดของลูกในครรภ์ แม่ลูกเกิดภาวะเลือดออกผิดปกติ เลือดไหลไม่หยุดและคลอดช้า

Oseltamivir (Tamiflu) :  ให้ใช้ยารักษาไข้หวัดใหญ่ชนิด A นี้ได้ ถ้าพิจารณาแล้วไม่ทำให้แม่และลูกเกิดความเสี่ยง

 รู้ทันยา : ยาแก้ไข้หวัดมักประกอบด้วยยาลดไข้พาราเซตามอล ยาแก้แพ้ ยาลดน้ำมูก โดยทั่วไปไม่มีอันตราย ถ้าใช้นานควรปรึกษาแพทย์ ไม่ซื้อยาชุดตามร้านขายยา เพราะอาจมียาแก้แพ้อักเสบบางอย่าง และสเตียรอยด์ปนมาด้วย

ยาแก้ปวด ลดอักเสบ

          Diclofenac :  ไม่ควรใช้ไตรมาสสุดท้าย ระยะใกล้คลอด เพราะจะทำให้คลอดช้า ไตทารกทำงานบกพร่อง

Tramadol :  แม้ตัวยาไม่ทำให้เกิดอันตรายต่อทารกในครรภ์ แต่ก็ไม่ควรใช้ในช่วงตั้งครรภ์ต้นๆ

Morphine sulfate :  ใช้ในไตรมาส 1 และ 2 ได้บ้างแต่ห้ามใช้ติดต่อกันนาน หรือใช้ในไตรมาสสุดท้าย ถ้าใช้ต่อเนื่องกันนานใช้ขนาดสูงใกล้คลอด จะทำให้กดการหายใจของทารกได้

Hyoscine-N-butylbromide :  ใช้ลดการปวดเกร็งท้องให้แม่ได้แต่งดเมื่อใกล้คลอด เพราะทำให้ลูกหัวใจเต้นเร็วผิดปกติ

Mefenamic acid :  ห้ามใช้ในไตรมาส 3 โดยเฉพาะระยะใกล้คลอด

Ibuprofen :  ใช้ในไตรมาส 1-2 ได้ แต่ห้ามใช้ในไตรมาส 3 ระยะใกล้คลอด เพราะอาจทำให้คลอดช้า

Colchicine :  งดใช้ยารักษาข้ออักเสบจากโรคเก๊าท์ ส่วนผู้ชายอาจทำให้จำนวนอสุจิลดลง บางรายงานชี้ว่ายาอาจมีผลให้อสุจิกลายพันธุ์ ทำให้เกิดความผิดปกติในทารก เช่น เกิด Down’s syndrome ได้

Methotrexate :  งดใช้ยารักษาโรคข้ออักเสบหรือสะเก็ดเงินเพราะจะกดการทำงานของไขกระดูกทารก เสี่ยงต่อการเกิดมะเร็ง ถ้ายาตกค้างอยู่ในร่างกายนาน ทำให้ทารกผิดปกติได้ แม้จะหยุดใช้หลายปีก็ตาม

 รู้ทันยา : ยาแก้อักเสบ เป็นยาที่ใช้กันบ่อย แม้เจ็บคอเพียงเล็กน้อย หรือเป็นหวัดก็อาจซื้อมากินแล้ว ที่จริงไข้หวัดมักเกิดจากเชื้อไวรัสการใช้ยามักไม่ได้ผล นอกจากเสียเงินยังอาจทำให้ดื้อยา จึงไม่ควรใช้พร่ำเพรื่อ ผู้หญิงทั้งที่ท้องหรือไม่ได้ท้อง ถ้าใช้ยานี้บ่อยจะทำให้ช่องคลอดอักเสบจากเชื้อรา โดยมีอาการตกขาวและคันช่องคลอดมากอีกด้วย

ยาแก้ไอ

          Bromhexine : ยังมีข้อมูลจำกัด ถ้าเป็นไปได้ควรหลีกเลี่ยงการใช้ยานี้ในไตรมาสแรก

Diazepam : ถ้าใช้ในไตรมาสที่ 1 ทารกอาจปากแหว่ง เพดานโหว่ไตรมาส 2 ระบบเลือดและหัวใจอาจผิดปกติ ถ้าใช้ต่อเนื่องนานใช้ขนาดสูงช่วงใกล้คลอด อาจทำให้กล้ามเนื้อทารกอ่อนแรง เซื่องซึม ไม่ดูดนม เกร็ง สั่น ท้องเสีย

Actifed : ควรงดใช้ไตรมาสแรก มีรายงานว่ายาแก้แพ้อากาศนี้อาจทำให้ระบบหลอดเลือดหัวใจผิดปกติ และแท้งได้

ยาแก้ไขชนิดที่ไม่มีไอโอดีน : ไม่ควรใช้เลย เพราะอาจทำให้ทารกเกิดอาการคอพอก และมีอาการผิดปกติทางสมอง

 รู้ทันยา : อาการไออาจมีสาเหตุจากการกินยาบางอย่างหรือเป็นอาการเรื้อรังของโรคทางเดินหายใจ ยาจิบแก้ไอ หรือระงับอาการไอที่ดีที่สุด คือ น้ำอุ่น การใช้ยาอม เช่น ยาอมมะแว้ง สามารถลดอาการไอได้ แต่สตรีมีครรภ์หรือเด็กเล็กก็ไม่ควรใช้ยานี้จิบแก้ไอ

          ยาฆ่าเชื้อรา

          Ketoconazole :  ใช้ได้ถ้าจำเป็น โดยเฉพาะแม่ที่ติดเชื้อเอช ไอ วี เพื่อป้องกัน รักษาการติดเชื้อราในช่องคลอด

Itraconazole :  ควรงดใช้ เพราะอาจมีความเสี่ยงที่เกิดขึ้น

Griseofulvin :  งดใช้ ถ้าใช้ในไตรมาสแรกอาจทำให้ทารกผิดปกติมากกว่าไตรมาส 2-3 เช่น หัวใจผิดปกติ ถ้าเป็นแฝดอาจแยกตัวได้ไม่สมบูรณ์ โดยเฉพาะถ้าใช้ภายใน 20 วันแรกหลังตกไข่

ยาลดกรด

          Allopurinol :  ใช้ได้ถ้าไม่มีทางเลือกอื่นที่ปลอดภัยกว่าหรือโรคที่เป็นอาจเป็นอันตรายต่อชีวิตแม่และลูกในครรภ์

Antacid :  ใช้ได้ แต่ไม่ควรใช้ขนาดสูงๆ ติดต่อกันเป็นเวลานาน

Magnesium hydroxide :  ใช้ได้ แต่ไม่ควรใช้ขนาดสูงๆ ต่อเนื่องกันเป็นเวลานาน

Omeprazole :  งดใช้ โดยเฉพาะช่วงตั้งครรภ์ครึ่งแรกเพราะเคยพบว่าเสี่ยงต่อทารก

 รู้ทันยา :  ยาลดกรดที่มีส่วนผสมแมกนีเซียมไฮดรอกไซด์มาก อาจทำให้คุณแม่ท้องเสีย เป็นอันตรายต่อเด็กในท้อง

ยาขยายหลอดเลือด

          Cinnarizine :  งดใช้ถ้าไม่จำเป็น ไม่ใช้ยาต้านฮิสตามีนนี้ในช่วง 2 สัปดาห์สุดท้ายของการตั้งครรภ์ เพราะอาจทำให้เกิดความผิดปกติของกระจกตาได้

Salbutamol :  อาจทำให้หัวใจเต้นเร็วผิดปกติ แม่มีความดันโลหิตต่ำรุนแรง เกิดภาวะน้ำตาลต่ำ ถ้าจำเป็นต้องใช้ให้เฝ้าระวังใกล้ชิด

Theophylline ยาขยายหลอดลม :  การใช้ในไตรมาสสุดท้ายระยะใกล้คลอด อาจทำให้ทารกมีภาวะหัวใจเต้นเร็ว

ยารักษาเบาหวาน

          Glibenclamide และ Glipizide :  ทารกอาจเกิดภาวะแทรกซ้อนถ้าแม่ควบคุมระดับน้ำตาลไม่คงที่ ควรงดใช้ชนิดกินหันไปใช้ Insulin แทนจนกว่าจะคลอด

Metformin :  ไม่พบว่ายาทำให้เกิดอันตรายโดยตรงต่อทารกในครรภ์ แต่เนื่องจากยาอาจให้ผลในการควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดในแม่ได้ไม่ดีนัก ไม่ควรใช้ ใช้ Insulin จะปลอดภัยกว่า

 รู้ทันยา :  ยารักษาเบาหวานถ้าเป็นชนิดฉีดอินชูลินใช้ได้ ไม่มีอันตราย แต่ถ้าเป็นชนิดกินอาจทำให้น้ำตาลในเลือดของทารกต่ำ และเคยมีรายงานว่ายากกลุ่มนี้ทำให้ทารกพิการได้

          ยารักษาอาการชัก

          Phenobarbital :  ถ้าใช้ในไตรมาส 1 และ 3 อาจทำให้ทารกมีความผิดปกติแต่กำเนิด เลือดไหลไม่หยุด หากจำเป็นให้ใช้น้อยที่สุดเพื่อควบคุมการชักของแม่

Phenytoin :  ควรงดใช้เพราะยาอาจทำให้กะโหลกศีรษะใบหน้าทารกผิดปกติ นิ้ว เล็กมือไม่สมบูรณ์ ปากแหว่ง เพดานโหว่ หัวใจผิดปกติ แต่ถ้าขาดยาแล้วชัก แม่ลูกอาจเป็นอันตรายก็ได้ ใช้ได้แต่ต้องระวังให้ดี

Carbamazepine :  งดใช้ ถ้าจำเป็นต้องใช้ โดยเฉพาะไตรมาสแรก ควรให้โฟเลทเสริม หากใช้ในไตรมาสสุดท้ายควรให้วิตามินเค หรือติดตามภาวะเลือดออกในทารกด้วย

 รู้ทันยา :  ส่วนใหญ่ยากันชักมักทำให้ทารกเกิดความพิการมีใบหน้าผิดปกติ จมูกแบน ตาห่าง หนังตาตก บางชนิดอาจทำให้เลือดของทารกแข็งตัวช้า

ยารักษาโรคผิวหนัง

          Dapsone :  ต้องระวังการใช้ยานี้รักษาโรคเรื้อน โรคทางผิวหนัง มาลาเรียและนิวโมเนียจากการติดเชื้อ เพราะอาจทำให้ระบบเลือดผิดปกติ ต้องติดตามใกล้ชิดระหว่างใช้ยา

Clofazimine :  อาจมีผลให้ทารกและน้ำคร่ำมีสีเขียว ซึ่งก็หายเป็นปกติได้แต่อาจใช้เวลานาน  ถ้าจำเป็นให้ใช้ยาป้องกันการกลับเป็นซ้ำ แต่ก็ไม่ควรใช้ในไตรมาสแรก

 ยาเบ็ดเตล็ด 

          Chlorpheniramine ยาแก้แพ้ :  เด็กที่เกิดมาผิดปกติ เช่น มีนิ้วเกินหูและตาผิดปกติพบว่าแม่เคยใช้ในไตรมาสแรก ถ้าใช้ชั่วคราวไม่ส่งผลมากนัก ถ้าใช้ติดต่อกันนานทำให้เกล็ดเลือดต่ำ ลูกที่เกิดมาอาจมีเลือดไหลผิดปกติ

Ergotamine + Caffeine :  ทำให้มดลูกหดตัว แท้ง คลอดก่อนกำหนด ถ้าใช้บ่อยขนาดสูง จะขัดขวางการไหลเวียนเลือดสู่ทารกงดใช้ยาแก้ปวดศีรษะกลุ่มที่มีเออโกตามีนเพราะทำให้มดลูกบีบตัวทำให้แท้งคลอดก่อนกำหนดได้

Digoxin ยารักษาโรคหัวใจล้มเหลว :  ควรระวังขนาดที่ใช้ หากใช้เกินขนาดจะเกินขนาดจะทำให้ทารกที่เกิดมาเสียชีวิตได้

Dimenhydrinate ยาแก้คลื่นไส้ วิงเวียน เมารถ :  ใช้ได้ แต่ควรหลีกเลี่ยงแบบฉีด เพราะยาทำให้มดลูกบีบตัวมาก หลีกเลี่ยงการใช้ยาในระยะ 2 สัปดาห์ก่อนคลอดด้วย

Doxycycline ยารักษาสิว :  หลีกเลี่ยงโดยเฉพาะตั้งครรภ์ครึ่งหลัง ซึ่งมีการสร้างกระดูกและฟันของตัวอ่อน ควรติดตามดูผลการทำงานของตับในแม่ที่จำเป็นต้องได้รับยาด้วย

Gemfibrozil ยาลดไขมันในเลือด :  ทำให้ทารกปากแหว่ง เพดานโหว่ ควรหลีกเลี่ยง โดยเฉพาะไตรมาสแรก

Lorazepam ยานอนหลับ :  ยาผ่านรกทำให้ทารกผิดปกติแต่กำเนิดได้ ถ้าใช้ตามแพทย์สั่งไม่เป็นไร แต่ไม่ควรซื้อใช้เอง ถ้าใช้สูงจนติด ลูกที่เกิดจะหายใจไม่ดี เคลื่อนไหวช้าคล้ายคนติดยา ชักกระตุก ทำให้ลูกมีเลือดออกผิดปกติ

Misoprostol ยาป้องกันการเกิดแผลในกระเพาะ :  อาจทำให้แท้ง หากไม่แท้ง ก็ทำให้ทารกพิการแต่กำเนิด

Pyridostigmine bromide (Mestinon) ยารักษาโรคกล้ามเนื้อ :  ยาผ่านรกไม่ได้ หรือผ่านได้น้อยมาก ไม่พบว่าทำให้ทารกผิดปกติ จึงให้ใช้ได้ แต่ระวังการใช้รูปแบบฉีดระยะใกล้คลอด อาจทำให้คลอดก่อนกำหนด

Bisacodyl ยาระบาย :  ควรเลือกใช้สารที่ออกฤทธิ์ให้อุจจาระจับตัวเป็นก้อนนิ่ม (เช่น เมล็ดแมงลัก) หรือยาที่มีฤทธิ์เพิ่มแรงตึงผิว (เช่น ยาระบายแมกนีเซีย) ก่อน จะปลอดภัยกว่า

Proctosedyl ยาเหน็บริดสีดวง :  ใช้ได้แต่ก็ไม่ควรมาก และไม่ใช้ต่อเนื่องนานเกิน 7 วัน

ขอขอบคุณข้อมูลจาก