lyrics plugin แสดงเนื้อร้องใน winamp เอาไว้ฝึกร้องเพลงให้จ๊าบไปเลย

สวัดีครับ วันนี้ Nakhu.com ขอแนะนำ plugin ตัวเสริมของโปรแกรม winamp ซึ่งช่วยแสดงเนื้อร้องของเพลงในขณะที่เล่นเพลงใน winamp ช่วยให้เพื่อนที่ความจำไม่ค่อยดีได้ฝึกร้องเพลงได้อย่างสบายๆ

plugin ตัวนี้ชื่อว่า lyrics plugin สามารถดาวโหลดได้จากเว็บ lyricsplugin.com หรือสามารถดาวโหลดได้จาก Lyrics plugin โหลดเสร็จแตกไฟล์ก่อนนะครับแล้วค่อยติดตั้ง

 

หวังว่าคงจะเป็นประโยชน์ได้ไม่มากก็น้อยล่ะครับ งานนี้

กังนัม สไตล์ (Gangnam Style) ใครที่ยังไม่รู้จักเพลงนี้ ถือว่าเอ้าท์นะครับ

 แรงไม่หยุด เอาช้างมาฉุดก็ยังไม่อยู่จริงๆ สำหรับเพลงมันส์สุดกวนสัญชาติเกาหลีอย่าง กังนัม สไตล์ (Gangnam Style) ของนักร้องหนุ่มร่างท้วมระยะสุดท้าย ไซ (Psy) หรือ ปาร์ก แจ ซาง ที่เพลงของเขาฮิดติดลมบนกลายเป็นกระแส ทอล์ค ออฟ เดอะ ทาวน์ จนโด่งดังไกลไปทั่วโลก พิสูจน์ได้จากยอดวิวอลังการกว่า 74 ล้านวิวเข้าไปแล้ว

หลายๆท่านคงจะงงว่าเพลงมันดังขนาดนั้นได้ยังไง ก็ด้วยท่าเต้นที่ใช้ท่าม้าย่องหรือท่าม้าเต้นเป็นหลัก และใช้อารมณ์ขัน+ความฮาหน้าด้านๆ ของนายไซผู้นี้ประกอบการแสดงท่าทางตามเนื้อหาเพลง นอกจากนี้ มิวสิกวิดีโอยังมีความน่าดึงดูด เพราะผู้ร้องนอกจากรูปร่างอวบอ้วนแล้ว ยังมีสาวๆสวยๆเต้นท่าเซ็กส์ซี่แล้วก็เต้นได้สนุกและขบขันด้วย โดยเพลงของเขาจะถูกเปิดตามสถานบันเทิงในตอนกลางคืนจนเป็นกระแส ไปเที่ยวร้านไหนก็จะได้ยินเพลงนายคนนี้ตลอด ร้านไหนไม่ได้เปิดถือว่าเชยไปเลยละ ลองดูเพลงดังที่ว่านี้ดูครับ 

“เก็บเห็ดป่า” กินอยู่กับธรรมชาติ วิถีชิวิตคนอีสานที่ไม่เคยจางหายไปกับกาลเวลา

สวัสดีครับ วันนี้ Nakhu.com ขอนำทุกท่านเข้าไปเปิดประสบการณ์ใหม่อีกประเภทหนึ่ง นั่นคือการเก็บเห็ดป่า สถานที่ที่เราไปเก็บเห็ดในวันนี้คือโคกบ้านม่วง อ.ดอนจาน จ.กาฬสินธุ์ สนุกมากครับ ได้เห็ดหลายประเภทเลย ได้รู้ที่มาที่ไปของเห็ด ได้เรียนรู้้ชนิดของเห็ด ลักษณะการงอกของเห็ดจริงๆ ได้เห็นวิถีชีวิตของชาวบ้านที่ชวนกันออกไปหาเห็ดเป็นหมู่คณะ ชวนกันไปไม่ปิดไม่บังกัน สังคมชนบทที่มีการแบ่งปัน ไม่แก่งแย่งชิงดีชิงเด่นเหมือนในสังคมเมือง ก็สนุกไปอีกแบบ โดยเฉพาะตอนเดินแล้วใช้ไม้เขี่ยหาตามพงหญ้าแล้วก็ลุ้นว่าจะเจอเห็ดไหม ถ้าไม่ได้มาด้วยตัวเอง ก็คงไม่รู้ครับ

 

สำหรับท่านที่ทำงานไกลบ้านได้ดูคลิป+รูปภาพแล้วคงคิดถึงบ้านไม่น้อย เรายินดีเป็นสื่อกลางในการคลายความคิดถึงบ้านของทุกท่านครับ เพียงแวะเข้ามาชมและให้กำลังใจบ่อยๆก็พอแล้วครับ อิอิ
 

เห็ดที่ได้ในป่านี้มีประมาณนี้ครับ

1.สุดยอดของเห็ดที่นับได้ว่าหากยาก และอร่อยที่สุด ต้องยกให้ เห็ดไค พื้นที่อื่นๆ อาจมีชื่อเรียกต่างกันออกไปลักษณะของเห็ดไค  เป็นเห็ดที่มีสีขาว บางทีก็มีสีเขียวแซมๆ บ้างเหมือนกัน  ดอกใหญ่และแข็ง มีกลิ่นหอม โดยเฉพาะเวลาย่างไฟจะมีกลิ่นหอมเป็นพิเศษ  นิยมนำมาทำแกง และน้ำพริก (แจ่วเห็ดไค) ปัจจุบันขายกิโลกรัมละ 250 บาท

2.เห็ดละโงกขาว  ที่อยู่ในรูปจะเป็นเหมือนไข่ จะมีลักษณะเป็นสีขาว  เมื่อตอนเล็กๆ ที่ยังอยู่ในดิน เห็ดชนิดนี้จะมีลักษณะเหมือนไข่ห่าน  บางพื้นที่เรียกเห็ดไข่ห่าน  แต่ทางอีสานเรียกเห็ดละโงกขาว  จากนั้นเมื่อมันเริ่มโต จะมีดอกเห็ดโผล่ออกมาจากไข่ แล้วค่อยๆ โต และบานเต็มที่

3.เห็ดข่า   มีลักษณะสีขาวเหมือนเห็ดไค  แต่เห็ดข่ามีรสเผ็ด+ขมเหมือนข่า ส่วนมากไม่นิยมรับประทาน แต่ก็ใ่ช่ว่าจะทานไม่ได้  บางคนก็บอกว่าอร่อย  บางคนก็บอกว่าไม่อร่อย แล้วแต่คนชอบครับ  สิ่งที่แตกต่างและสังเกตได้ชัดก็คือ ให้ลองหักกลีบดอกของเห็ดชนิดนี้ดูครับ จะมียางสีขาวไหลออกมา ใช่เลย มันคือเห็ดข่า

4.เห็ดน้ำหมาก  เป็นเห็ดที่มีผิวด้านบนของดอกสีแดง แต่ด้านล่างของครีบเห็ดจะมีสีขาว  มีกลิ่นหอมอ่อนๆ ไม่มีเปลือกหุ้ม ไม่มีวงแหวน  เวลาแกงเห็ดชนิดนี้ น้ำแกงจะมีสีแดงนะครับ แต่ไม่เป็นอันตราย รับประทานได้  นิยมนำมาทำแกงเลียง หรือแกงสไตล์อิสาน

5.เห็ดก่อ  มีลักษณะดอกแข็ง สีแดง หรือสีแดงอมม่วง  คล้ายเห็ดไค  แตกต่างกันที่สีและกลิ่นเท่านั้น  กลิ่นของเห็ดก่อจะไม่หอมเหมือนเห็ดไค  แต่เวลานำมาย่างตำน้ำพริก รสชาติอร่อยไม่แตกต่างกันครับ  เห็ดชนิดนี้มักจะเกิดในป่าที่ค่อนข้างอุดมสมบูรณ์ และรกทึบพอสมควร  เรียกว่าไม่เกิดให้เราได้กินง่ายๆ    นิยมนำมาทำแกง  เพราะมีรสหวาน  และตำน้ำพริกก็ได้

6.เห็ดที่ออกช่วงหน้าฝนแบบนี้ ทางบ้านผมเรียกว่า เห็ดหน้าแหล่ คำว่า แหล่ หมายถึง สีม่วง  เห็ดชนิดนี้จะมีสีม่วงอ่อนๆ ที่ดอกเห็ด แต่ด้านล่างใต้ดอกเห็ด จะมีสีขาว  เห็ดชนิดนี้มีกลิ่นหอมอ่อนๆ นิยมนำมาทำแกงเห็ด  หรือหากใครมีเมนูอื่นๆ เช่น ใส่ในต้มยำ หรือนึ่งจิ้มแจ่ว ก็ทำได้เช่นกัน อร่อยอย่าบอกใคร

7.เห็ดอีกชนิดหนึ่ง ที่ออกในช่วงนี้คือ เห็ดหน้าวัว เป็นเห็ดที่มีลักษณะดอกน้ำตาลอมเหลือง  ดอกเห็ดมีความเหนียวลื่น  เวลาแกงมีรสเผ็ดและขื่นเล็กน้อย  สมัยก่อนที่เห็ดมีหลากหลายชนิดจะไม่นิยมนำเห็ดชนิดมาทานสักเท่าไหร่ แต่ปัจจุบันเก็บหมดไม่มีเหลือ  ที่มาของคำว่า เห็ดหน้าวัว ยังไม่มีใครอธิบายได้ครับ

8.เห็ดอีกชนิดหนึ่งที่ควรรู้จักและสามารถนำมารับประทานได้ ก็คือ เห็ดถ่าน  คำว่าเห็ดถ่านไม่ใช่เห็ดที่เกิดจากถ่านแต่เป็นเห็ดที่มีลักษณะดอกสีขาว ครีบด้านล่างสีขาว  เพียงแต่เวลาโดนมือของเราสัมผัสสีขาวเหล่านั้นจะเปลี่ยนเป็นสีดำเหมือนถ่านทันที  ซึ่งเป็นลักษณะพิเศษและเป็นที่มาของชื่อเห็ดชนิดนี้  แม้กระทั่งเวลาแกงหรือปรุงอาหารเสร็จ เห็ดชนิดนี้ก็ยังคงเป็นสีดำเหมือนถ่านเช่นกัน  รสชาติของเห็ดถ่านก็เหมือนกับเห็ดดิน เห็ดหน้าแหล่ คือ มีรสหวาน กลิ่นหอมอ่อนๆ ไม่มีรสเผ็ดหรือขื่นแต่อย่างใด

9.เห็ดผึ้ง หรือ เห็ดเผิ่ง  ที่มาของชื่อนี้น่าจะมาจากลักษณะครีบด้านล่างของเห็ด ซึ่งไม่ใช่ครีบแต่มันเหมือนฟองน้ำ และมีรูเล็กๆ เหมือนรังผึ้ง  จึงเป็นที่มาของชื่อเห็ดผึ้ง  คำว่า เผิ่ง เป็นภาษาอีสาน หมายถึง ตัวผึ้ง  ภาพนี้คือเห็ดผึ้งหวานขานกยูง  ดอกเห็ดจะมีสีน้ำตาลอมแดง แต่ด้านล่างจะมีสีเหลืองอ่อน สวยงามมาก

10.เห็ดครก มีสีขาว ดอกเล็ก ใบเห็ดจะมีลักษณะเป็นหลุมตรงกลาง คล้ายครก

เป็นอย่างไรบ้างครับ สำหรับทริปการเก็บเห็ด หวังว่าคงจะทำให้บางท่านยิ้มได้บ้างนะครับ.

10 พฤติกรรมทีี่ทำให้เกิดสิว

ปัญหาสิว เป็นปัญหาที่สาว ๆ มักจะแก้กันไม่ตก เพราะส่วนใหญ่มักจะหาต้นตอการเกิดสิวไม่ค่อยจะเจอเท่าไหร่ พอสิวขึ้นทีไร ก็เลยทำให้หงุดหงิดรำคาญใจซะอย่างนั้น แต่รู้ไหมคะว่า จริง ๆ แล้วการเกิดสิวบนใบหน้าแต่ละครั้ง ล้วนมีสาเหตุที่หลากหลายจนเราคิดไม่ถึงเลยล่ะค่ะ ซึ่งหากสาว ๆ ได้รู้ว่าปัจจัยที่ทำให้เกิดสิวมีอะไรบ้าง ปัญหาสิวก็จะหมดไปได้อย่างง่าย ๆ วันนี้ กระปุกดอทคอมก็เลยขอนำ 10 พฤติกรรมที่ทำให้เกิดสิวมาฝากกัน เพื่อให้สาว ๆ ได้หลีกเลี่ยงพฤติกรรมเหล่านี้ค่ะ

 1. การทานอาหาร สาว ๆ หลายคนโปรดปรานการทานอาหารพวกแป้ง น้ำตาล และไขมันซะเหลือเกิน ซึ่งหากทานในปริมาณที่พอเหมาะ ก็คงไม่มีปัญหาอะไร แต่ถ้าหากทานมากเกินไปนี่สิ มันก็จะแสดงออกเป็นเม็ดสิวบนใบหน้าคุณได้ ดังนั้น หากเลี่ยงการทานของหวาน ๆ และมันในปริมาณมากได้ ก็ควรเลี่ยงซะเลยค่ะ โดยเฉพาะสาว ๆ ที่ชอบทานจังก์ฟู้ดซะเหลือเกิน แม้ว่าหน้าตาของขนมขบเคี้ยวต่าง ๆ ที่คุณโปรดปราน จะดูปลอดภัยไร้ความมัน แต่อย่าได้ไว้วางใจนะจ๊ะ รู้หรือไม่ว่าจังก์ฟู้ดส่วนใหญ่ผ่านกรรมวิธีทอดด้วยกันทั้งนั้น

 2. บีบสิว มีสาว ๆ ไม่น้อยที่เกิดอาการคันไม้คันมือทุกครั้งที่สิวขึ้น หารู้ไม่ว่าทุกครั้งที่คุณบีบสิว มือที่บีบนวดลงบนใบหน้าคุณนั่นแหละ จะยิ่งทำให้ความมันบนใบหน้าและฝุ่นละอองซึมลึกลงไปในรูขุมขน ทำให้สิวเห่อขึ้นมากกว่าเดิมอีก

 3. แบคทีเรีย เซลล์ผิวที่ตายแล้ว เมื่อมันหลุดลอกออกมาและเจอกับความมันบนใบหน้า มันก็จะกลายเป็นแบคทีเรียที่ทำให้เกิดสิวได้โดยง่าย ดังนั้นควรรักษาความสะอาดใบหน้าให้ดี ๆ ค่ะ

 4. ใช้วิตามินมากเกินไป โดยเฉพาะวิตามิน B1, B6 และ B12 เพราะวิตามินเหล่านี้หากได้รับเข้าสู่ร่างกายมากเกินไป มันก็จะส่งผลให้เกิดสิวอย่างที่สาว ๆ ไม่คาดคิดมาก่อนเลยล่ะ

 5. ปล่อยให้หน้ามันมากเกินไป ชนิดที่เยิ้มอยู่บนหน้าเลยทีเดียว โดยเฉพาะในวันที่อากาศแสนร้อน และคุณยังต้องเผชิญฝุ่นละอองอีก ความมันนี่แหละ เป็นตัวดักจับสิ่งสกปรกให้มาอุดตันรูขุมขนชั้นดีเลยค่ะ

 6. ขัดผิวแรงเกินไป เมื่อคุณล้างหน้า หากคุณขัดผิวหรือล้างหน้าแรง ๆ ก็จะทำให้ผิวบอบบางและเป็นสิวได้ง่าย คราวนี้พอเจออะไรนิดหน่อยสิวก็เห่อขึ้นมาไม่รู้ตัวแล้วค่ะ

 7. ใช้ผลิตภัณฑ์ไม่ถูกกับผิวหน้า เพราะผิวผู้หญิงไม่ได้แข็งแรงเท่ากับผิวผู้ชายนะคะ ดังนั้นแม้ว่าคุณจะใช้เครื่องสำอางได้หลากหลาย แต่ก็อาจจะแพ้อะไรบางอย่างเอาได้ ดังนั้นก่อนที่จะเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ทุกประเภท ควรศึกษาให้ดี และทบทวนดี ๆ ว่า คุณเคยเกิดอาการระคายเคืองกับผลิตภัณฑ์ ที่มีส่วนผสมประเภทเดียวกันมาก่อนหรือไม่

 8. หมอนสกปรก เป็นตัวกักเก็บฝุ่นละอองและแบคทีเรียต่าง ๆ มากมาย และขณะนอนหลับ ก็ไม่รู้ว่าคุณดิ้นเอาหน้าแนบหมอนไปกี่ครั้งต่อกี่ครั้ง ดังนั้น ซักปลอกหมอนให้บ่อย ๆ ได้ยิ่งดีจ้า

 9. ล้างหน้าบ่อยเกินไป ยิ่งคุณล้างหน้าเอาความมันออกจากใบหน้ามากเท่าไหร่ ผิวก็จะผลิตความมันเพิ่มขึ้นมากเท่านั้น และแน่นอนมันทำให้เกิดสิวได้อย่างง่ายดาย ดังนั้น ควรล้างหน้าให้พอประมาณ ซึ่งจำนวนครั้งที่เหมาะสมคือ 2-3 ครั้งต่อวันเท่านั้นค่ะ

 10. ผมสุดสกปรก สาว ๆ หลายคนกว่าจะสระผมทีก็ 2-3 วัน และนั่นทำให้ความมันและสิ่งสกปรกหมักหมมอยู่ในเรือนผม ซึ่งแน่นอนว่า เมื่อผมของคุณสยายมาปิดหน้าตาแล้วล่ะก็ สิวก็จะผุดขึ้นได้อย่างง่าย ๆ ไม่ต้องไปโทษใครเลยล่ะ

และนั่นก็คือพฤติกรรมทำให้เกิดสิวทั้ง 10 ข้อที่เรานำมาฝากกันวันนี้ คราวนี้สาว ๆ ก็ลองพิจารณาดูนะคะว่า ตัวเองเข้าข่ายมีพฤติกรรมทำให้เกิดสิวข้อไหนกันบ้าง แล้วอย่าลืมหลีกเลี่ยงด้วยค่ะ ทั้งนี้ ก็เพื่อใบหน้าที่เนียนใสไร้สิวของคุณเองนั่นแหละ

ขอบคุณข้อมูลดีๆและภาพจาก กระปุกดอทคอม

มาสด้า ฟุ้ง..ยอดขาย 7 เดือน ทะลุ 7 พันคัน

 

       มาสด้า เผยตัวเลขยอดขายรถที่กำลังพุ่งแรงอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะเดือนกรกฎาคม ที่ผ่านมาได้ทำสถิติใหม่อีกครั้งด้วยยอดขายทะลุ 7,000 คันเป็นครั้งแรก โดยเฉพาะรถเก๋งเล็กอย่างมาสด้า 2 ที่กลายเป็นรถยนต์ยอดนิยมของกลุ่มวัยรุ่นไปแล้ว ด้วยยอดขายสูงสุดถึง 3,340 คัน ส่วนที่กำลังมาแรงนับตั้งแต่เปิดตัว ด้วยรูปลักษณ์การออกแบบที่โดดเด่นเป็นเอกลักษณ์ นั่นคือ รถปิกอัพสไตล์เก๋งมาสด้า บีที-50 โปรใหม่ ที่กวาดยอดขายเกือบ 3,000 คัน เพิ่มขึ้นสูงสุดถึง 273%

       นายโชอิชิ ยูกิ กรรมการผู้จัดการ บริษัท มาสด้า เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า แม้ว่าตลาดจะเข้าสู่ช่วงของโลซีซัน แต่รถยนต์มาสด้ากลับได้รับความนิยมเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้ ยอดจำหน่ายรถยนต์มาสด้าเฉพาะเดือนกรกฎาคมของปี 2555 ที่ผ่านมา รถยนต์นั่งสปอร์ตน้องใหม่อย่างมาสด้า 2 สปอร์ตแฮตช์แบค 5 ประตู และเอลิแกนซ์ซีดาน 4 ประตู ที่ยังคงร้อนแรงมียอดขายรวมทั้ง 2 รุ่น มีจำนวนทั้งสิ้นถึง 3,340 คัน เติบโตเพิ่มขึ้นถึง 52% ในขณะที่รถยนต์นั่งสปอร์ตมาสด้า 3 มีจำนวนทั้งสิ้น 763 คัน มีอัตราการเติบโตเพิ่มขึ้น 14% ที่สำคัญ รถปิกอัพฮีโร่ มาสด้า บีที-50 โปรใหม่ ซึ่งมีการเติบโตสูงสุดถึง 273% มียอดขายจำนวนทั้งสิ้น 2,959 คัน ซึ่งเดือนกรกฎาคมถือเป็นเดือนที่มาสด้าสามารถทำลายทุกสถิติของตัวเองลงอย่างราบคาบด้วยตัวเลขยอดขายสูงสุดถึง 7,065 คัน สูงสุดในประวัติศาสตร์การขายรถของมาสด้าในประเทศไทย และมีอัตราการเติบโตสูงถึง 93% เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา 
       
       ทั้งนี้ นายโชอิชิ ยูกิ กล่าวเพิ่มเติมว่า ในขณะที่ยอดขายรถยนต์รวมของประเทศไทยในเดือนกรกฎาคมเพิ่มสูงขึ้นถึง 130,766 คัน โดยมาสด้ามียอดขายสูงถึง 7,065 คัน สามารถครองส่วนแบ่งทางการตลาดสูงสุดในปีนี้ถึง 5.4% โดยเฉพาะรถยนต์นั่งมาสด้า2 มีจำนวน 3,340 คัน มีส่วนแบ่งทางการตลาดสูงสุดถึง 11% ของยอดขายในตลาดบีคาร์โดยมียอดขายรวมอยู่ที่ 31,167 คัน และรถปิกอัพมาสด้า บีที-50 โปรใหม่ จำนวน 2,959 คัน สามารถครองส่วนแบ่งทางการตลาดสูงสุดเช่นเดียวกัน 5.7% จากยอดรวมของตลาดปิกอัพอยู่ที่ 52,085 คัน และรถยนต์นั่งมาสด้า 3 จำนวน 763 คัน สามารถครองส่วนแบ่งสูงสุดถึง 6.1% จากยอดขายรวมของตลาดซีคาร์อยู่ที่ 12,561 คัน

       “นอกจากนี้ ยอดขายรถยนต์ของประเทศไทยตั้งแต่เดือนมกราคม ถึงเดือนกรกฎาคมของปี 2555 ยังเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องถึง 730,187 คัน และในจำนวนนี้เป็นยอดขายของรถยนต์มาสด้าสูงถึง 37,642 คัน สามารถครองส่วนแบ่งทางการตลาดสูงสุดถึง 5.2% โดยแบ่งออกเป็นตลาดบีคาร์เซกเมนต์จำนวน 158,825 และเป็นยอดขายรถยนต์นั่งมาสด้า 2 สูงถึง 21,404 คัน ครองส่วนแบ่งทางการตลาดสูงสุดถึง 13.5% และในตลาดรถปิกอัพมียอดรวมอยู่ที่ 325,707 คัน และเป็นยอดขายของมาสด้า บีที-50 โปรใหม่ สูงถึง 13,144 คัน สามารถครองส่วนแบ่งทางการตลาดได้สูงสุดถึง 5.7% และในตลาดรถยนต์นั่งขนาดกลางมียอดรวมอยู่ที่ 59,179 คัน และเป็นรถยนต์นั่งมาสด้า 3 จำนวน 3,106 คัน ครองส่วนแบ่งทางการตลาด 5.2%” นายโชอิชิ ยูกิ กล่าวเสริม
       
       “การที่เราสามารถทำสถิติยอดขายเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องจากระดับ 3,000 คัน มาจนถึง 7,000 คัน ในปีนี้ แสดงให้เห็นถึงความมั่นใจของผู้บริโภคที่มีต่อแบรนด์ของมาสด้า นอกจากการนำเสนอรถยนต์รุ่นใหม่ๆ ออกสู่ตลาดแล้ว การบริการหลังขายเป็นสิ่งสำคัญที่มาสด้ายึดมั่นมาโดยตลอด เราให้ความสำคัญอย่างมากกับการขยายเครือข่ายของศูนย์บริการทั่วประเทศ รวมทั้งคุณภาพของการบริการที่ต้องเป็นเลิศ และเหนือกว่าความคาดหวังของลูกค้า” 

       ทางด้านแม่ทัพการตลาด นางสาวสุรีทิพย์ ละอองทอง โฉมทองดี ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด กล่าวว่า หลังการเปิดตัวแนะนำมาสด้า บีที-50 โปรใหม่ จนก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมการซื้อรถปิกอัพของไทยเปลี่ยนไปจากเดิม และถือเป็นรถปิกอัพยุคใหม่ที่มาเติมเต็มความต้องการของผู้ใช้ปิกอัพ และปิดช่องว่างระหว่างรถเก๋งกับรถปิกอัพ ส่งผลให้รถปิกอัพมาสด้าบีที-50 ได้รับกระแสความนิยมอย่างรวดเร็ว รวมทั้งการผนึกรวม 2 พลังสายพันธุ์สปอร์ต มาสด้า3 ใหม่ เครื่องยนต์ 1.6 ลิตร เสริมทัพเข้าสู่ตลาดทั้งแฮชต์แบค 5 ประตู และซีดาน 4 ประตู ชูความโดดเด่นด้านดีไซน์ความเป็นสปอร์ตโฉบเฉี่ยวเหนือระดับและให้ความคุ้มค่าคุ้มราคามากที่สุด พร้อมทั้งการปรับโฉมรถยนต์นั่งสปอร์ตมาสด้า2 ด้วยการเพิ่มออฟชั่นเบสต์อินคลาสและใส่อุปกรณ์มาตรฐานหลายรายการเพื่อเพิ่มความโดดเด่นและความเป็นสปอร์ตมากยิ่งขึ้น ส่งผลให้รถยนต์มาสด้าทั้ง 3 รุ่น สามารถครองใจผู้บริโภคได้อย่างเหนียวแน่น

 

ขอบคุณข้อมูลจาก manager.co.th

ชาว ต.อิตื้อ ผวาผีปอบ ชาวบ้าน2พันคนร่วมนิมนต์พระ-พ่อขะจ้ำ ทำพิธีไล่วิญญาณ

ที่บ้านดอนขี – ดอนสวรรค์  หมู่ที่  5 และ 6 ต.อิตื้อ  อ.ยางตลาด  จังหวัดกาฬสินธุ์  ประชาชนกว่า 2,000 คน  นำโดยนายอดุลย์  จันทะพิลา  ผู้ใหญ่บ้านดอนขี  หมู่ที่ 5  พ่อทองสุข  นนทะนำ  พ่อขะจ้ำหมู่บ้าน  และนางกาญจนา  ภูชมศรี  รองนายกเทศบาลตำบลอิตื้อ  นิมนต์พระอาจารย์ธานินทร์  อนตธฺโร  เกจิที่มีชื่อเสียงด้านพิธีกรรมพื้นถิ่นอีสาน เดินทางมากำจัดปอบในพื้นที่หลังประชาชนอยู่ในอาการผวาอย่างหนักเนื่องจากมีคนตายแบบกะทันหันเรียงกันวันละศพ

พิธีเริ่มต้นขึ้นจากการบวงสรวง ขอขมาและบอกกล่าวสิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำหมู่บ้าน  ก่อนที่จะปลุกเสก เซียงข้อง ออกไล่จับปอบในหมู่บ้าน  มีอาสาสมัครชาวบ้านร่วมพิธีกรรมจนสามารถจับปอบใส่ในกระบอกไม้ไผ่ได้ถึง 6 ตัว  จากนั้นเจ้าพิธีได้ทำพิธีส่งวิญญาณที่จับได้ที่บรรจุในกระบอกไม้ไผ่  ด้วยวิธีฌาปนกิจตามประเพณี  ด้วยความเชื่อว่าดวงวิญญาณที่เป็นผีปอบนั้นไม่ไปสู่สุขคติจึงต้องหาตัวตายตัวแทนรับช่วงต่อจนเป็นสาเหตุให้มีคนเสียชีวิต

 

นางกาญจนา  ภูชมศรี  นายกเทศบาลตำบลอิตื้อ  อ.ยางตลาด  จ.กาฬสินธุ์  กล่าวว่า ตั้งแต่วันที่  1 สิงหาคม จนถึงวันที่5สิงหาคมทั้งบ้านดอนขี และบ้านดอนสวรรค์หมู่ที่ 5 และ 6 มีผู้เสียชีวิตแบบกะทันหันทั้งที่เป็นคนแก่สูงอายุมีโรคประจำตัวและคนหนุ่มรวมแล้ว 5 ราย การเสียชีวิตเรียงกันวันละ 1 คน  ด้วยเหตุนี้เองจึงเป็นสาเหตุให้คนในหมู่บ้านผวากันอย่างหนักและมั่นใจว่าเป็นฝีมือของผีปอบ

 

พ่อทองสุข  นนทะนำ  อายุ  73  ปี  พ่อขะจ้ำ      ระบุว่า  ก่อนหน้านั้นหมู่บ้านข้างเคียงมีคนตายเรียงกัน  3 ศพ  และเคลื่อนมาที่หมู่บ้านนี้ซึ่งอยู่ติดกัน  ลักษณะการตายเป็นไปอย่างกระทันหันเมื่อเช้าคุยกันดี ๆ พอตกบ่ายนอนหลับตายไปหรือช็อคตายไป  คนในหมู่บ้านจึงอยู่ไม่เป็นสุขเพราะหวาดกลัวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจึงปรึกษาหารือและทำพิธีบูชาสิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำหมู่บ้านเพื่อเสี่ยงทายก่อนจะลงความเห็นว่าเป็นฝีมือของผีปอบ ทั้งหมดเป็นความเชื่อของคนในหมู่บ้านที่ถือปฏิบัติมาตั้งแต่โบราณกาลแล้ว

สิ่งที่ทุกท่านได้เห็นได้อ่านนี้ เป็นความเชื่อส่วนบุคคล โปรดใช้วิจารณญาณในการเสพข่าว (ไม่เชื่อแต่อย่าลบหลู่เด้อคับพี่น้อง)

ขอบคุณข้อมูลจาก มติชนออนไลน์

น้ำตกตาดบง น้ำตกสวยแห่งใหม่ในนาคู พร้อมปรากฏสู่ทุกสายตา

น้ำตกตาดบง น้ำตกสวยแห่งใหม่ในนาคู พร้อมปรากฏสู่ทุกสายตา
น้ำตกตาดบง เป็นน้ำตกที่เพิ่งได้รับการเปิดตัวและพัฒนาเส้นทางเดินเท้าเมื่อต้นปี 2555 ดูแลโดย อบต.บ่อแก้ว อ.นาคู จ.กาฬสินธุ์ ซึ่งดูแลครอบคลุมถึง 3 น้ำตกด้วยกันคือ น้ำตกผานางนางคอย น้ำตกคำเตย และล่าสุดคือ น้ำตกตาดบง ซึ่งซ่อนตัวอยู่ในเทือกเขาภูพาน อยู่ตรงเชิงเขาท้ายหมู่บ้าน ห่างจาก บ.หว้านพัฒนา ประมาณ 5 กม.

การเดินทางเป็นทางลูกรัง+หิน+หลุม ตลอดเส้นทาง สามารถเข้าถึงได้ทั้งรถยนต์และรถจักรยานยนต์ ถ้าต้องการมาเยี่ยมชมก็ถามชาวบ้านแถวนั้นว่าไปวัดถ้ำช้างไปทางไหน เจอทางขึ้นวัดปุ๊บเดิอนต่อไปอีก 300 เมตรก็จะถึงตัวน้ำตก  

ที่ชื่อน้ำตกตาดบง เพราะบริเวณน้ำตกมีกอไผ่บง(ชื่อไผ่ชนิดหนึ่ง)อยู่เป็นจำนวนมาก และลำห้วยที่เป็นสายน้ำของน้ำตกก็ชื่อห้วยบงเช่นเดียวกัน

น้ำตกนี้ถูกค้นพบมานานหลายปีแล้ว แต่เพิ่งได้รับการพัฒนาเมื่อต้นปี 2555 ควรมาเที่ยวช่วงเดือน ส.ค.-ก.ย.ของทุกปี เพราะน้ำจะมีเยอะในช่วงนี้

ตาดบงเป็นน้ำตกขนาดเล็กๆ มีความสูงประมาณ 7 เมตร มีหน้าผาที่เป็นก้อนหินก้อนเดียวที่ใหญ่มากกว้าง*ยาวประมาณ 7*10 เมตร ถ้าเป็นช่วงน้ำหลากน้ำตกนี้สวยมากครับ น้ำพุ่งจากหน้าผาไปได้ไกลพอสมควร ถือเป็นแหล่งท่องเที่ยวแห่งใหม่ที่เป็นน้ำตกในอำเภอนาคู จังหวัดกาฬสินธุ์อีกแห่งหนึ่

เชิญชวนทุกท่านเข้้ามาชมความสวยงามของน้ำตกได้นะครับ ติดต่อ อบต.บ่อแก้วได้ที่เบอร์ 043-840183 , 043-801071 ฝากนิดส์นึงนะครับ โปรดช่วยกันรักษาความสะอาด อย่าเอาขยะไปทิ้งน้ำตก ถ้าเจอก็เก็บมาทิ้งขยะ จักขอบพระคุณยิ่งครับผม.

“พี่หมอคะ หนูขอประวัติน้ำตกผานางคอยหน่อยค่ะ”

“พี่หมอคะ หนูขอประวัติน้ำตกผานางคอยหน่อยค่ะ”นี่คงเป็นประโยคเพชรเลยก็ว่าได้ สำหรับ บล๊อกเกอร์มือใหม่หัดขับอย่างผม ทำให้เราได้รู้ว่า อย่างน้อยระยะเวลาเพียงแค่ 2 เดือน มันทำให้เว็บเราเป็นที่รู้จักของเด็กประถมปลายได้ 555+ ภูมิใจโคตรๆ

nakhu.com น้ำตกผานางคอย

nakhu.com น้ำตกผานางคอย

ไม่ว่าน้องเขาจะรู้จักเว็บของผมผ่านการบ้านของอาจารย์ หรือความบังเอิญก็แล้วแต่ ยังไงมันเป็นความสำเร็จของก้าวเล็กๆที่เสริจเอ็นจิ้นอย่าง google จะนำพาเว็บน้อยๆของผม(Nakhu.com)ก้าวไปสู่ความยิ่งใหญ่(หวังว่าคงเป็นอย่างนั้น)ในอนาคต ซึ่งทั้งหมดนี้มันก็ยังคงเป็นการบ้านที่ยากสำหรับผม ถึงอย่างไรเสีย เราก็ไม่ได้รีบร้อนอะไร สบายๆแบบเบิร์ดๆไปนี่แหละ หวังว่าผู้อ่านผ่านไป-มาทุกท่านจะคอยติดตามและให้กำลังใจนะครับ.

ตำรวจบุกยึดไม้พะยุง มูลค่า 100 ล้านบาท ที่โกดังสหกรณ์การเกษตรจำกัด นาคู กาฬสินธุ์

ตำรวจ บก.ปทส.ร่วมกับเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง 16 หน่วยงาน เข้าตรวจยึดไม้พะยูงจำนวน 728 ท่อนคาโกดังสหกรณ์การเกษตร จำกัด จ.กาฬสินธุ์ ตร.เตรียมออกหมายเรียก “เสี่ยค้าไม้เก่า” สวมรอยเก็บไม้พะยูงไว้ในโกดังรอส่งลูกค้าทำทีตอกตะปูอำพรางเป็นไม้เก่าแต่ไม่พ้นสายตาเจ้าหน้าที่ตามยึดของกลางทั้งหมดไว้ทัน!
       
       เมื่อวันที่ 17 ส.ค. เจ้าหน้าที่ตำรวจกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (บก.ปทส.) ร่วมกับทหาร ตำรวจป่าไม้ ตำรวจตระเวนชายแดน และเจ้าที่ฝ่ายปกครอง 16 หน่วยงาน นำโดย พล.ต.ต.นรศักดิ์ เพชรศิริลักษณ์ ผกก.บก.ปทส., พ.ต.อ.ศิริพงษ์ เพชรศิริลักข์ ผกก.กก.3 บก.ปทส., พ.ต.ต.ภฤก ภาสว่าง สารวัตร กก.3 บก.ปทส.และ ร.ต.ต.สิรพัชร์ ปิยะชานนท์ รองสารวัตร กก.3 บก.ปทส. นำกำลังเข้าปิดล้อมตรวจยึดไม้พะยูงจำนวน 728 ท่อน ปริมาตร 26.56 ลูกบาศก์เมตร มูลค่าประมาณ 100 ล้านบาท ภายในสหกรณ์การเกษตร จำกัด เลขที่ 105 ม.10 ต.นาคู อ.นาคู จ.กาฬสินธุ์
       
       จากการสอบสวนพบว่า ไม้พะยูงดังกล่าวไม่มีการตีตราประทับไม้จากหน่วยงานราชการใดๆ เชื่อได้ว่าเป็นไม้พะยูงที่ถูกลับลอบตัดออกมาจากเขตพื้นที่ป่าไม้ภายใน จ.กาฬสินธุ์ แล้วนำมากองรวมเก็บไว้ภายในโกดังสหกรณ์การเกษตรแห่งนี้ ซึ่งมีนายอภิวัฒน์ เชื้อดี เป็นผู้เช่า โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ทำการอายัดไม้พะยูงทั้งหมดไปเก็บไว้ที่ สภ.นาคู พร้อมกับออกหมายเรียกนายอภิวัฒน์มาสอบสวนเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
       
       รายงานข่าวแจ้งว่า นายอภิวัฒน์ได้จดทะเบียนพาณิชย์เป็นผู้รับซื้อไม้เก่า ภายใต้ชื่อทางทะเบียนพาณิชย์ “ปูแดงค้าไม้” โดยมีพฤติการณ์ลักลอบนำไม้พะยูงที่ลักลอบตัดจากเขตพื้นที่ป่าไม้ พื้นที่ป่าสงวน พื้นที่เขตอนุรักษ์พันธุ์สัตว์ป่าทั่วประเทศมาเก็บไว้ในโกดังเพื่อรอการจัดส่งและจำหน่าย โดยมีการนำตะปูมาตอกตามท่อนไม้เพื่อเป็นการอำพรางเจ้าหน้าที่ว่าเป็นไม้เก่าที่ผ่านการรื้อถอนมาจากบ้านไม้เก่าที่รับซื้อมา

บุกยึดไม้พะยุงมูลค่ากว่า 100 ล้าน

บุกยึดไม้พะยุงมูลค่ากว่า 100 ล้าน

บุกยึดไม้พะยุงมูลค่ากว่า 100 ล้าน

บุกยึดไม้พะยุง 728 ท่อน

 

ขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก  manager.co.th